ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่หาข้อมูลหลักฐาน พร้อมไล่ภาพกล้องวงจรปิด เป็นเบาะแสในการติดตามแก๊งวัยรุ่นขับกระบะแต่งซิ่งตระเวนลักขโมยข้าวเปลือกที่ตากไว้ตามริมถนน ขณะชาวนาผวาผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าข้าวทั้งกลาวันกลางคืนป้องกันก่อเหตุซ้ำ (26 พ.ย.63) จากกรณีที่มีแก๊งวัยรุ่นขับรถกระบะแต่งซิ่งมาตระเวนขโมยข้าวเปลือกของนายปัญญา เชนประโคน อายุ 47 ปี และ น.ส.ลันทรา วิงประโคน อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา ชาวนาบ้านปังกู ที่ตากไล่ความชื้นไว้บริเวณริมถนนสายบ้านหัวเสือ – ปังกู ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ หายไปเกือบ 1 ตัน เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย ก็ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลหลักฐาน พร้อมไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง ที่คาดว่าคนร้านจะขับรถผ่าน เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวกลุ่มแก๊งคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดี เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ และน่าจะเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว จึงเตือนให้ชาวนาระมัดระวังด้วย ขณะที่ชาวนาในพื้นที่เองที่จำเป็นต้องนำข้าวเปลือกไปตากบนถนนเพื่อลดความชื้น เพราะไม่มีสถานที่ตาก ก็ได้มีการผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าข้าวที่ตากไว้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายมาก่อเหตุลักขโมยซ้ำเติมอีก นายติณประวิทย์ หอมดวง ชาวนา ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คืนเกิดเหตุตนขับรถมาจากบ้านโคกสะอาดจะเข้าไปในตัว อ.ประโคนชัย ก็มองไปเห็นกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 5-6 คน ซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วย กำลังช่วยกันกรอกข้าวเปลือกใส่กระสอบเอาขึ้นรถกระบะลักษณะเป็นรถแต่งซิ่ง ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย กระทั่งมารู้ทีหลัง ก็สงสารเจ้าของข้าวเพราะกว่าจะได้ข้าวมาลำบากมาก เจอทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม แต่กลับมาถูกคนร้ายลักขโมยไปอีก ก็อยากฝากถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุว่าให้นึกถึงหัวอกชาวนาด้วย ถ้าเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องตัวเองจะรู้สึกยังไงบ้าง ถ้าไม่มีเงินก็ควรจะไปรับจ้างหาเงินไม่ควรจะมาทำแบบนี้ ทั้งนี้ ก็อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายด้วย จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก ด้านนายเขียว ปลีประโคน ชาวนาบ้านปังกู ก็บอกว่า หลังเกิดเหตุลักขโมยข้าวเปลือที่ตากไว้ตามริมถนน ชาวนาคนอื่นก็ระมัดระวังมากขึ้นด้วยการผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าข้าวเปลือกที่ตากไว้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เพราะเกรงจะมีคนร้ายมาลักขโมยอีก