เวลานี้เมื่อซื้อของใช้ หรือของกิน จะต้องได้ยินคำถามจากพ่อค้า แม่ค้าว่า “คนละครึ่ง” ไหม! ซึ่งเป็นจุดที่ดึงดูดลูกค้าเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยจะเห็นได้จากในช่วงวันหยุดยาว มีประชาชนแห่ไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ซึ่งตัวเลขที่น่าสนใจจากการใช้จ่ายเงินผ่าน “โครงการคนละครึ่ง” เฉพาะในชายหาดบางแสน มีเงินสะพัดผ่านโครงการคนละครึ่งกว่า 10 ล้านบาท ถือว่าเป็นการตอบรับจากประชาชนผ่านโครงการคนละครึ่งอย่างสวยสดงดงาม! ส่งผลให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงขั้นต้องออกมาขอบคุณประชาชนที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยกล่าวว่า ผลการดำเนินโครงการระยะที่ 1 เป็นที่น่าพอใจ ได้รับคำชื่นชมจำนวนมาก ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งได้กำชับว่าการใช้เงินในครั้งนี้ต้องใช้กับผู้ที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง เช่น พ่อค้าแม่ค้า ทั้งนี้ กำลังพิจารณาเปิดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก แต่ในส่วนของรายละเอียดต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่าจะมีรูปแบบอย่างไร ครอบคลุมประชาชนจำนวนเท่าใด โดยเบื้องต้นคาดว่าจะตั้งงบประมาณไว้ที่ 30,000 ล้านบาท ประชาชนต้องได้รับประโยชน์ประมาณ 10 ล้านคน เช่นเดียวกับ “ขุนคลัง” นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ในปี 64 รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลังมีแผนที่จะออกมาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ม.ค.64 เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวได้ 3.5-4.5% ทั้งนี้เปิดให้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้าแน่นอน ส่วนจะเพิ่มสิทธิ์อีกจำนวนเท่าไร หรือจะให้ใช้จ่ายมากกว่า 3,000 บาท หรือไม่นั้น จะได้ข้อสรุปภายในเดือนธันวาคมนี้ และคนที่ได้สิทธิ์คนละครึ่ง เฟส 1 จะต่อเฟส 2 ให้โดยอัตโนมัติ แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องใช้เงิน 3,000 บาทให้หมดภายใน 31 ธ.ค.นี้ โดยระบบจะมีปุ่มให้กดยืนยันเพื่อเข้าร่วมโครงการในเฟส 2 ต่อไป ขณะที่ภาคเอกชนซึ่งได้รับผลกับโครงการคนละครึ่ง ได้สนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งทาง “น.ส.กัณญาภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์” ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สรท. ต้องการให้กระทรวงการคลังสร้างความต่อเนื่องในการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศจากโครงการคนละครึ่งให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีประโยชน์ และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ และให้การสนับสนุนประชาชนเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนโครงการคนละครึ่ง ก็หนุนอยากให้โครงการคนละครึ่งเดินหน้าต่อไป โดย “ว่าที่ร้อยเอกปิยะเกียรติ ลิ้มประยูรวงศ์” คลังจังหวัดตรัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งเป็นมาตรการหนึ่งที่ออกโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งตั้งแต่โครงการคนละครึ่งเริ่มขึ้น มีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดตรัง และใช้จ่ายในการซื้อสินค้าไปแล้วเกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งโครงการคนละครึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชน และร้านค้าขนาดเล็ก ให้สามารถอยู่ได้ เนื่องจากเม็ดเงินกระจายสู่รากหญ้าได้จริง ด้านพ่อค้า แม่ค้า ที่ได้ร่วมโครงการคนละครึ่ง แสดงความคิดเห็นถึงโครงการ โดย “นายเฉลิมชัย อนุพันธ์ หรือ “บังการีม” พ่อค้าไก่สดในตลาดนัด จังหวัดนครศรีธรรมราช บอกว่า หลังเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง นอกจากลูกค้าประจำแล้ว ยังทำให้มีลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้น จากการติดป้ายร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าทราบ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ให้เข้ามาซื้อไก่สดที่ร้านของตน ส่งผลต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้น เป็นโครงการที่ดีต่อผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนทั่วไป จึงอยากให้รัฐบาลขยายสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ และเพิ่มวงเงินตามความเหมาะสม และ “นางเมลดา บุญศักดิ์ดา” เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทางร้านได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งก็ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นถึง 40% ประชาชนส่วนใหญ่มารับประทานอาหารเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อน และคู่รัก จากเดิมที่เคยสั่งอาหารครั้งละ 2-3 อย่าง ก็สั่งเพิ่มเป็น 4-5 อย่าง หรือสั่งอาหารที่มีราคาสูงเพราะมีรัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง หากในครอบครัวลงทะเบียนไว้หลายคนก็สามารถแชร์กันจ่ายได้ ตนมองว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมาก เข้าถึงร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อย หาบเร่แผงลอย ได้มียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น อยากให้ต่ออายุโครงการออกไปเรื่อยๆ และอยากให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายต่อวันจากวันละ 300 บาท รัฐช่วยจ่าย 150 บาท เป็นวันละ 500 บาท รัฐช่วยจ่ายวันละ 250 บาท ต้องยอมรับว่า “โครงการคนละครึ่ง” เป็นความพยายามแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้ดี เป็นการลงทุนที่ใช้เงินทั้งภาครัฐ และประชาชน ร่วมกัน คะแนนกำลังมาอย่าพลาดท่าเสียรังวัด!นะครับ