เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ประชุมเตรียมการรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ปี 2563 พร้อมปล่อยขบวนคาราวานเครื่องจักร เครื่องมือ ประจำจุดเสี่ยง 16 จังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ณ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 16 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้มอบนโยบายให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่ภาคใต้ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำในฤดูฝนนี้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเน้นย้ำให้มีการติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม พร้อมกับปฏิบัติตามมาตรการเตรียมความพร้อมในการรับมืออุทกภัย ด้วยการกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังในพื้นที่จังหวัดภาคใต้รวมทั้งสิ้น 90 จุด ตรวจสอบระบบชลประทานให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ 499 เครื่อง เครื่องผลักดันน้า 340 เครื่อง รถแทรกเตอร์/รถขุด 309 คัน เครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆ 152 หน่วย รวมทั้งสิ้น 1,300 หน่วย ประจำพื้นที่เสี่ยง 16 จังหวัดภาคใต้ เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที ตลอดจนบูรณาการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการวางแนวทางรับมือสถานการณ์น้ำหลาก รวมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ให้ติดตามและเฝ้าระวังเตรียมรับสถานการณ์น้ำจากฝนตกหนักและน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ด้าน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน(26 พ.ย. 63) อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคใต้ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 6,118 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ69 ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 4,354 ล้าน ลบ.ม. สถานการณ์น้ำโดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ภาคใต้จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม 2563 จนถึง มกราคม 2564 ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่ ประกอบกับกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินสถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (One Map) พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ในช่วงวันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2563 ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จึงได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำฝน และน้ำท่าอย่างใกล้ชิดด้วย นอกจากการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำแล้ว กรมชลประทาน ยังได้ดำเนินโครงการเพื่อบรรเทา และแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะยาว ในพื้นที่ภาคใต้ อาทิ โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอบางสะพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร(ลุ่มน้ำคลองชุมพร)จ.ชุมพร โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นครศรีธรรมราช โครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง จ.ตรัง โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่2) จ.สงขลา และโครงการระบบระบายน้ำปลักปลิง-จะนะ จ.สงขลา เป็นต้น ซึ่งหากโครงการฯแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยซ้ำซากในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งป้องกันความเสียหายต่อพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนเมืองอีกด้วย”