สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมกับบริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัดและสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ลงนามบันทึกข้อตกลงบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ไทย ให้สามารถพัฒนาชิ้นส่วน/ผลิตภัณฑ์ได้เองในประเทศ ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองคุณภาพได้ตามมาตรฐานสากล มุ่งเน้นผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์ขนส่งสินค้า รถบัส รถไฟ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์สมัยใหม่ทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ ตั้งเป้าโปรเจกต์แรกเตรียมผลิต “รถไฟพร้อมตู้โดยสาร” แบรนด์ของคนไทยที่มีมาตรฐานความปลอดภัยเทียบเท่าระดับสากล หวังช่วยลดการนำเข้า ส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกรรมการ บริษัท โชคนำชัย กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า วันนี้เราในฐานะเอกชนที่พร้อมทางด้าน Technology ต่าง ๆ และได้เริ่มพัฒนานวัตกรรมด้านขนส่งที่ก้าวข้ามการทดลองในระดับต้นแบบ เป็นผลิตภัณฑ์จริงลงสู่ตลาดหลายรายการ เช่น เรือนวัตกรรมอลูมิเนียมเครื่องยนต์, เรือไฟฟ้าท่องเที่ยววิ่งทะเลลำแรกของไทย, รถมินิบัสตัวถังอลูมิเนียมคันเดียวในตลาดโลกที่ผลิตและประกอบในสายการผลิตหุ่นยนต์, ต้นแบบรถเมล์ไฟฟ้าที่เป็นโครงการร่วมระหว่าง กฟน.,กฟผ., กฟภ.,ขสมก.และ สวทช. รวมถึงโครงการพัฒนารถไฟโดยสารระบบไฮบริดดีเซล เป็นต้น ทั้งนี้จากประสบการณ์ การจะทำผลิตภัณฑ์ในระดับอุตสาหกรรมให้สามารถขายในตลาดสากลได้นั้น มีข้อจำกัดคือ ส่วนใหญ่ประเทศเรายังไม่ได้ผลิตเองตั้งแต่ R&D มีแค่เริ่มต้นจากการรับ Drawing หรือแบบมาจากต่างประเทศมาผลิตชิ้นส่วน ดังนั้นเราจะมีมาตรฐานหรือการทดสอบเน้นไปที่ชิ้นส่วนย่อยที่เป็นส่วนประกอบเท่านั้น แต่หากจะพัฒนาไปในทิศทางที่สามารถมี Brand เป็นของตัวเองได้ จะต้องเริ่มตั้งแต่การกำหนดคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์, การออกแบบทางด้านวิศวกรรมเต็มรูปแบบ, การพัฒนาแม่พิมพ์และชิ้นส่วน,การใช้วัสดุสมัยใหม่,การประกอบผลิตแบบอุตสาหกรรม, ระบบ System integration, การทดสอบชิ้นส่วนหลัก และตัวผลิตภัณฑ์ให้ผ่านการรับรองโดยสถาบันไทยให้ได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งการลงนามครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่หน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญอย่าง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.),สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นผู้นำในการผลักดันและปลดล็อคข้อจำกัดที่กล่าวมา ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว.กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสนับสนุนนโยบายด้านขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้เกิดการพัฒนาชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ที่ผลิต ทดสอบ และรับรอง คุณภาพตามมาตรฐานสากล ลดการนำเข้าและส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปี “เป้าหมายแรกในการดำเนินงานร่วมกันของทั้ง 3 หน่วยงานคือ การร่วมมือในการผลักดันให้เกิดการผลิตรถไฟพร้อมตู้โดยสารที่เป็นแบรนด์ของคนไทยเป็นครั้งแรก โดยจะเป็นรถไฟสำหรับการเดินทางระหว่างเมืองของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งขบวนรถไฟดังกล่าวต้องมีมาตรฐานคุณภาพความปลอดภัยเทียบเท่าระดับสากล ผ่านการทดสอบและการรับรองโดยหน่วยงานรัฐจากทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญให้แก่อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ไทยในการผลิตชิ้นส่วนทดแทนการนำเข้าแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีความยั่งยืน” สำหรับบทบาทสำคัญของหน่วยงานทั้งสาม จะดำเนินงานสนับสนุนงานเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมดังนี้ วว.พร้อมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมโดยใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ทั้งด้านการพัฒนามาตรฐาน การทดสอบและการรับรอง รวมถึงการต่อยอดการวิจัยพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดย วว.มีศูนย์ทดสอบมาตรฐานระบบขนส่งทางราง หรือ ศทร.ที่ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางของประเทศไทยในด้านการทดสอบวัสดุชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระบบขนส่งและโลจิสติกส์ เช่น ยานยนต์และระบบราง เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นหน่วยงานชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่บริษัท โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด เป็นบริษัทคนไทยที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการประกอบการด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้แก่ค่ายรถยนต์ชั้นนําทั้งในและต่างประเทศ บริษัทยังมีผลงานโดดเด่นในการสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ไทย บริษัทฯ พร้อมรับนโยบายในการพัฒนาการสร้างนวัตกรรมด้านการขนส่งสาธารณะ ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐ โดย สวทช.สนับสนับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สนับสนุนกลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี สนับสนุนบุคลากรร่วมจัดทำมาตรฐาน การทดสอบ และการรับรองผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อรับทุนจากหน่วยงานภายนอก ดร.จุลเทพ ขจรไชยกุล ผู้อานวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช. ให้ความสำคัญกับการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การออกแบบ วิจัยวัสดุ การขึ้นรูป ชิ้นส่วนยานยนต์ การออกแบบโครงสร้างยานยนต์ และการใช้ระบบอัตโนมัติมาช่วยในการผลิต เพื่อการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจากยานยนต์พลังงานฟอสซิลไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยที่ผ่านมา สวทช. ได้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาในหลายด้าน อาทิ การพัฒนาแบตเตอรี่ มอเตอร์และระบบควบคุม ระบบวีซียู โครงสร้างน้ำหนักเบา สถานีอัดประจุ หรือแม้แต่การนำระบบ IoT และ IT ที่เข้ามาช่วยเหลือในการบริหารจัดการพลังงานและการผลิต ตลอดจนการร่วมทำมาตรฐานกับ สมอ. การพัฒนากำลังคนร่วมกับภาคการศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมรองรับความต้องการกำลังคนด้านยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า การลงทุนด้านการทดสอบแบตเตอรี่และชิ้นส่วนทางไฟฟ้า ซึ่ง สวทช.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับทั้ง 3 หน่วยงานเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยสามารถผลิตยานพาหนะพลังงานสะอาด ที่สามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ