วันที่ 25 พ.ย.63 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีมวลชนบางกลุ่มออกมาต่อต้านการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ทำให้หนักใจหรือไม่ ว่า เวลาไปที่ไหนก็แล้วแต่ เราจะเห็นผู้ที่เข้ามาให้ดอกไม้ มาขอจับมือ มาขอถ่ายรูปจำนวนมาก กลุ่มคนที่คิดเห็นต่างต้องยอมรับว่ามีอันนี้เป็นข้อเท็จจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนมาสนับสนุนเราทั้งหมด โดยกลุ่มที่เห็นต่างจะมีอยู่ 2 แบบ คือ มีลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งกลุ่มนี้ตนจะเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจตลอดว่าพวกเราไม่ได้เข้ามาเพื่อล้มล้างสถาบัน เราไม่ได้ชังชาติ เราทำตรงนี้ด้วยความหวังดี ประสบความสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างแล้วแต่กรณีไป นายธนาธรกล่าวว่า ส่วนที่มีปัญหาจะไม่ใช่แบบธรรมชาติ ซึ่งมี 2 เหตุผลหลัก คือ 1.พยายามที่จะสร้างเป็นเรื่องการเมืองระดับชาติ พยายามที่จะสร้างทฤษฎีสมคบคิด ว่า นายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ร่วมกับอเมริกา ร่วมมือกับจอร์จ โซรอส ไปอยู่ข้างหลังนักศึกษา วางแผนจะล้มล้างสถาบัน คือมันต้องมีแพะ มันต้องมีปีศาจตัวหนึ่งเพื่อให้เขาจัดการได้ เพราะเขาเอานักเรียน นักศึกษาเป็นปีศาจไม่ได้ ก็เลยต้องเอาตน เอานายปิยบุตรมาเป็นปีศาจ ดังนั้นในทางหนึ่งมันเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติ ในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนก็น่าจะเห็นความพยายามที่จะเห็นสังคมที่ปั่นป่วน เห็นสังคมที่แตกแยกเพื่อที่จะนำไปสู่ความชอบธรรมของการแทรกแซงการเมืองโดยอำนาจที่มาจากประชาชน นายธนาธรกล่าวต่อว่า 2.การเมืองระดับท้องถิ่นตนคิดว่านี่เป็นการลงขันกันจากบ้านใหญ่ เพื่อหยุดตนไม่ให้เดินหาเสียง คือเราเห็นชัดเจนหลายครั้ง ในหลายกรณีเข้ามา 3-5 นาที เพื่อถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ แล้วเดินกลับ เพื่อเอาไปปล่อยลงโซเชียล เพื่อที่จะบอกว่าจังหวัดนี้ไม่ต้อนรับนายธนาธร แบบนี้เราไม่ว่า ไม่เป็นอะไร 3 นาทีเราก็เดินหาเสียงต่อ แต่แบบที่เป็นปัญหาจริงๆ คือมีลักษณะคุกคามจริง ตั้งใจมาคุกคามให้เราหยุดเดิน ไม่ต้องการให้เราพบประชาชน มีการเดินตามแล้วตะโกนเพื่อให้เกิดความวุ่นวายดูแล้วเกิดความปั่นป่วนไม่สงบสุข เป็นการคุกคามชัดเจน คุกคามสิทธิเสรีภาพของเราในการเดินทาง คุกคามสิทธิเสรีภาพของเราในการรณรงค์เลือกตั้ง ถ้ามายืนชูป้ายเฉยๆ ตนไม่ติดใจ เราเรียกร้องให้ฝ่ายหนึ่งเปิดใจให้กว้างสำหรับข้อเสนอที่อาจจะทำร้ายจิตใจเขา เราเองก็ต้องรับฟังเขาเหมือนกัน ดังนั้นใครจะมายืนชูป้ายด้วยความสงบไม่ระรานไม่คุกคามกัน ตนคิดว่าเป็นสิทธิ และก็ให้ไปเดินรณรงค์เลยว่าไม่ให้เลือกคณะก้าวหน้า ต่างคนต่างรณรงค์ ไม่ต้องมาคุกคาม ไม่ต้องมาระรานกัน นายธนาธร กล่าวต่อว่า ดังนั้นกลุ่มนี้จะมีปัญหา ซึ่งกลุ่มนี้สัปดาห์หน้า เราจะเริ่มดำเนินคดี เราต้องปกป้องสิทธิในการรณรงค์การเลือกตั้งของเรา เรามีเรคคอร์ดชัดเจน หลายกลุ่มแทบจะทั้งหมดเรารู้ว่าใครเป็นใคร ตนยกตัวอย่างล่าสุด เมื่อ 2 วันที่แล้วตนกลับจากระยอง กลุ่มคนที่เข้ามาเป็นเลขาของบ้านใหญ่ ของคู่แข่งของเรา มากัน 3-4 คน แล้วก็มาตะโกน แต่คนที่มายืนกำกับคือเลขาของคู่แข่งของเรา ดังนั้นเราก็เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ไม่ได้กังวล แน่นอนศักยภาพในการพบปะประชาชนอาจจะเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราท้อถอย “การดำเนินการทางกฎหมายไม่ได้ตั้งใจจะเอาผิดกันจริงๆ แต่ในใจจริงไม่คิดอยากจะดำเนินคดีกับใคร เพียงแต่จะปรามไม่ให้คนอื่นมาทำตาม ถ้าอยากจะยืนก็ควรจะใช้โอกาสนั้นพูดกับสังคมมากกว่าว่าถ้าไม่เห็นด้วยกับพวกเราก็รณรงค์อย่างสันติ ยืนแสดงออกอย่างสันติ โดยจะร้องเรียนทั้งต่อ กกต. ส่วนไหนที่มีลักษณะคุกคามชัดเจนซึ่งหน้าอาจจะไปที่สถานีตำรวจเลย โดยเบื้องต้นดูไว้ประมาณ 4 จังหวัดที่มีหลักฐานชัดเจน” นายธนาธรกล่าว เมื่อถามว่า กิจกรรมที่คิดว่าเราโดนคุกคาม กกต.ได้เข้ามาดูแลหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ไม่มีการเข้ามาดูแล และไม่มีท่าทีอะไร อย่างไรก็ตาม เคสที่ไม่ได้เข้ามาป่วนให้เราทำงานไม่ได้ เราก็ไม่ว่ากัน ไม่ถือสา ก็พยายามจะทำให้น้อยที่สุด แต่เป็นการทำในลักษณะเพื่อป้องกันตัวเองมากกว่า ไม่ให้ถูกระรานต่อไป เพราะเวลามันเหลือน้อยแล้ว ทุกวันของตนนั้นมันมีค่า