เมื่อวันที่ 25 พ.ย.เวลา 11.30 น.ที่รัฐสภา  มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณากระทู้สด ของนางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ถามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กรณีตรวจยึดยาเคตามีน 11.5 ตัน ช่วงแรกผลตรวจเบื้องต้น 66 กระสอบจากทั้งหมด 475 กระสอบเป็นสีม่วง คาดว่าเป็นยาเคตามีน แต่เมื่อส่งตรวจในห้องแล็บ ผลระบุว่าไม่ใช่สารเสพติด แต่เป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต ทำให้คนไทยทั้งประเทศสงสัย และทำให้ประเทศไทยเสียรังวัดในสายตาชาวโลก ทำให้ความน่าเชื่อถือที่มีต่อการทำงานของรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ลดลง ยิ่งทำให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีมาตรฐานในการทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่เคยปราบปรามยาเสพติดอย่างแท้จริง  รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า ยอมรับว่าเราผิดพลาดในการตรวจสอบแต่เป็นการผิดพลาดในทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ผิดพลาด เพราะประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด ส่วนการดำเนินการเก็บของกลาง ตนได้สอบถามป.ป.ส.แล้วบอกว่าเป็นไปตามรูปแบบสากลที่ดำเนินการไว้ทุกประการ และตนได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการป.ป.ส. เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.) เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการขนย้ายเฟตามีน ซึ่งต้องเปิดเผยให้สาธารณะรับทราบทุกประเด็นอย่างแน่นอน ส่วนกระบวนการตรวจสอบที่มีการกล่าวหาว่าล่าช้านั้น เพราะมีของกลางจำนวนมาก และยังมีสารอำพรางคือไตรโซเดียมฟอสเฟส ซึ่งคล้ายเฟตามีน ซึ่งเป็นการตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นายกฯให้ความสนใจอย่างสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตในการปราบปรามยาเสพติด ยืนยันได้ด้วยสถิติ และตัวเลขหลายอย่าง และถ้าเรายังมีแนวทางปราบปรามยาเสพติดเหมือนรัฐบาลที่ผ่านๆมา จะไม่สามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้แน่นอน เราจึงเพิ่มแนวทางในการดำเนินการ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินการ และหาแนวทางใหม่ๆ โดยวันที่ 27 พ.ย.นี้ จะเป็นวันคิกออฟการปราบปรามยาเสพติดแนวทางใหม่ และสิ่งที่เราดำเนินการด้านยาเสพติดมาในอดีตไม่สามารถสาวถึงผู้ค้ารายใหญ่ได้เลย แต่ละปียึดทรัพย์ได้ไม่ถึง 600 ล้านบาท เราจะเปลี่ยนเป็นการปราบปรามให้สิ้นซากด้วยการยึดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติดให้ได้ ซึ่งตนจะทำให้ได้ 6,000 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการถามกระทู้สด นางมนพร ได้สอบถามถึงการย้ายสถานที่ตรวจสอบของกลางว่าเหตุใดจึงไม่มีการปิดพื้นที่ก่อน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าระบบรัดกุมพอที่ของกลางจะไม่รั่วไหลหรือไม่ ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวทุกด้าน ยาเสพติดซื้อง่ายเหมือนขนม นายทุนรวยขึ้น คนจนล้นประเทศ จึงอยากถามว่านายกฯจะกอดตำแหน่งไว้ทำไม ทำให้นายสมศักดิ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตอนแรกก็ดี แต่สุดท้ายก็มากระแนะกระแหนท่านนายกฯ แต่สำหรับเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ขอเวลาอีก 6 เดือน ว่าจะเป็นไปตามแนวทางที่ตนพูดไว้หรือไม่ แล้วเราจะลืมเรื่องยาเสพติดไปได้มาก จากนั้น นางมนพร ได้ประท้วงขอให้นายสมศักดิ์ถอนคำพูดที่ว่าตนกระแนะกระแหน ซึ่งนายสมศักดิ์ได้ยอมถอนคำพูดดังกล่าว