เมื่อวันที่ 24 พ.ย.นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มภาคีนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน เตรียมยื่นหนังสือต่อประธานและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งประธาน กมธ.กฎหมายฯ เนื่องจากมีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นสร้างความขัดแย้ง และละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา บริเวณแยกเกียกกาย ที่มีกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองมาชุมนุมให้กำลังการทำหน้าที่ของ ส.ส.และ ส.ว.นั้น ตนได้ออกไปเยี่ยมประชาชน และพูดคุยในฐานะประชาชนคนหนึ่ง การแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยที่จะมีคนลูกผสม รับเงินต่างชาติ มาร่างรัฐธรรมนูญให้คนไทยใช้ เป็นจุดยืนที่ตนต่อต้านมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นตนอยากถามว่า การแสดงความเห็นในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย มีความผิดตรงไหน “การที่บอกว่าผมไปยุยงปลุกปั่น หากการกระทำของผมเป็นการยุยงให้คนไทยรักชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ได้กล่าวคำปฏิญาณตนเมื่อรับตำแหน่ง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำหรือ หรือกลุ่มภาคีเห็นว่า การลุกขึ้นทำหน้าที่คนไทยคนหนึ่ง ที่อาศัยแผ่นดินไทยอยู่ โดยการปกป้องสถาบันและทำให้ประเทศไทยดำรงอยู่ด้วยความสงบสุข เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ วันนี้ถึงเสนอหน้ามาบอกว่าผมทำผิด”นายสิระ กล่าว นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนก็อยากจะถามไปถึงกลุ่มภาคีนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน ว่า การกล่าวอ้างเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อเวลากลุ่มผู้ชุมนุมแสดงพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน ก่อความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนจำนวนมาก กลุ่มภาคนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน หูหนวก ตาบอด เป็นใบ้ หรืออย่างไร ถึงไม่เห็นภาพเหล่านี้ อย่างล่าสุดภาพของนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ไปร่วมการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ทำไมถึงไม่ออกมาต่อต้าน หรือเป็นเพราะว่า กลุ่มภาคีนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน ก็คือกลุ่มที่รับใช้นักการเมืองชั่วๆ  จัดการกับผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยการเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาบังหน้า ใช่หรือไม่ และฝากให้ไปถามตัวเองว่า ยังเหมาะสมที่จะเป็นนักกฏหมายต่อไปอีกหรือไม่