ซัพพลายเออร์ มั่นใจ “ซีพี” ส่งเสริมและสร้างโอกาสให้คู่ค้า หลังควบรวม “เทสโก้ โลตัส” ล่าสุดเครือซีพี คะแนนนำโด่ง ค้าปลีกรับผิดชอบคู่ค้าและผู้บริโภค จัดโดยอ็อกแฟม มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายกินเปลี่ยนโลก เป็นที่น่าสนใจมาก เมื่อ 3 ภาคีภาคประชาชนจัดทำแคมเปญ “ผู้บริโภคที่รัก” วัดระดับนโยบายของ “ซูเปอร์มาร์เก็ต” ในไทยว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อว่า “ซูเปอร์มาร์เก็ตที่รัก”) โดยความร่วมมือของภาคี 3 ฝ่าย ได้แก่ เครือข่ายกินเปลี่ยนโลก, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ องค์การอ็อกแฟมประเทศไทย เพื่อวัดผลการดำเนินงานของซูเปอร์มาร์เก็ตในไทย มุ่งหวังผลักดันให้อาหารที่ขายในซูเปอร์ฯ ดีตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง คือเป็นอาหารที่ผลิตอย่างเป็นธรรมกับเกษตรกร ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบผู้บริโภค ซึ่งผลจากการตรวจสอบพบว่า ค้าปลีกในเครือซีพีได้แก่ “แม็คโคร และ ซีพี เฟรชมาร์ท” ได้คะแนนสูงสุดในมิตินโยบายสาธารณด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของผู้บริโภค จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ซีพีมีวิธีการดูแลคู่ค้าอย่างไร เครือซีพีตระหนักดีว่า “คู่ค้าธุรกิจ” คือ ห่วงโซ่สำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือฯ คือ การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ บทบาทของเครือฯ และบริษัทในเครือฯต่อคู่ค้าจึงอยู่ในฐานะส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยในรายงานความยั่งยืนเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประจำปี 2562 ระบุว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ส่งเสริมสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้มีความเจริญก้าวหน้าเป็นจำนวนถึง 706,100 ราย มีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาในส่วนนี้ 7,078 ล้านบาท นายประกอบ ทรัพย์ยอดแก้ว นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย และเจ้าของฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามกราม “ประกอบฟาร์ม” หนึ่งในเกษตรกรที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโคร เปิดเผยว่าปัจจุบันประกอบฟาร์มเป็นกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไซซ์ S หรือเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่เป็นคู่ค้าของแม็คโคร โดยเริ่มต้นทำธุรกิจกับแม็คโครในช่วงที่ประสบวิกฤติกุ้งก้ามกรามล้นตลาดเนื่องจากไม่สามารถส่งออกได้ กระทรวงพาณิชย์จึงร่วมมือแม็คโครในการหยิบยื่นความช่วยเหลือ โดยแม็คโครเข้ามารับซื้อกุ้งก้ามกรามจากเกษตรกรเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับคนไทยผ่านแม็คโคร จนถึงปัจจุบันแม้วิกฤติได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นคู่ค้ากับแม็คโคร โดยแม็คโครรับซื้อกุ้งก้ามกรามจำหน่ายผ่านสาขาทั่วประเทศ 100 แห่ง เจ้าของประกอบฟาร์ม กล่าวต่อไปว่า เราได้รับโอกาสจากแม็คโครในการช่วยรับซื้อผลผลิตและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย จากเกษตรกรสู่การเป็นคู่ค้าทางแม็คโคร จนทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวขึ้นได้ ซึ่งแม็คโครให้คำแนะนำ ทั้งเรื่องการขนส่งสินค้าให้คงความสด สะอาด ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยที่ศูนย์กระจายสินค้าของแม็คโคร ในเรื่องของการส่งเสริมการตลาด เช่น การจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ผู้บริโภคจะได้สินค้าที่มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้และปลอดภัย “ในฐานะเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกราม มีความมั่นใจในการทำธุรกิจเคียงคู่แม็คโคร ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหากุ้งล้นตลาด สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย ช่วยพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรไทยด้วยการสนับสนุนและให้คำปรึกษาคู่ค้าเป็นอย่างดี มีการแลกเปลี่ยนปรึกษาธุรกิจร่วมกันอย่างมีเหตุและผล และยังเป็นองค์กรที่มีความยุติธรรมในการทำธุรกิจร่วมกันอีกด้วย” สำหรับกรณีที่ซีพีควบรวมกิจการกับโลตัส ประกอบฟาร์มไม่มีความกังวลแต่อย่างใด และมองว่าเป็นโอกาสเพิ่มช่องทางการขยายตลาดของกลุ่มเกษตรกรไทยให้สามารถกระจายสินค้าที่มีคุณภาพส่งถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยได้มากขึ้นด้วย ด้านนายสมเกียรติ ลำพันแดง ประธานกรรมการบริษัทสมเกียรติ ผักอร่อย จำกัด และผู้ก่อตั้งสมเกียรติ ผักอร่อย ฟาร์มไม่ตั้งใจ หนึ่งในธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลางที่เติบโตจากการเป็นคู่ค้าของแม็คโครมานานถึง 12 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า แรกเริ่มตนเป็นเพียงพ่อค้าขายผักในตลาดสด โดยรับซื้อผักจากเกษตรกรชาวสวนและมาขายต่อในตลาด ต่อมาแม็คโครได้ติดต่อให้เป็นผู้จัดส่งผักให้ ซึ่งเป็นช่วงที่แม็คโครต้องการหาคู่ค้าที่จะจัดหาผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพดี สดใหม่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นร่วมเป็นคู่ค้าทำธุรกิจกับแม็คโคร ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้รับคำแนะนำและความรู้จากทางแม็คโครมาโดยตลอด เป็นการเปิดโอกาสจากการที่ส่งผักจำนวนไม่มาก มีเกษตรกรเป็นลูกสวนเพียงไม่กี่ราย จนปัจจุบันมีเกษตรกรลูกสวน 50 กว่าราย ขยายพื้นที่เพาะปลูกรวมกันกว่า 700 ไร่ ส่งผักสดให้แม็คโครจำนวน 200 ชนิดวางขายในแม็คโคร 6 สาขา โดยแม็คโครให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและมาตรฐานการเพาะปลูกเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกแม็คโครให้คำแนะนำและให้ความรู้พัฒนาสินค้าผัดสดให้ได้รับมาตรฐาน GMP ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ รวมทั้งส่งเสริมความรู้และให้ตั้งห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์สารเคมีตกค้าง ทำให้สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน ตลอดระยะเวลาที่เป็นคู่ค้ากับทางแม็คโคร ได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำในการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณที่ส่งสินค้าจากช่วงแรก 200 กิโลกรัมต่อวัน ปัจจุบันจัดส่งผักสดให้แม็คโครประมาณ 10–20 ตันต่อวัน สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรรายย่อยได้อย่างมั่นคง “แม็คโครถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ถ้าไม่มีแม็คโคร ธุรกิจก็ไม่สามารถเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้ แม็คโครให้โอกาสในการเข้ามาเป็นคู่ค้า ที่สำคัญคือแม็คโครไม่เคยเอาเปรียบคู่ค้า และยังช่วยคู่ค้าให้ประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน ขอยืนยันที่จะเป็นคู่ค้ากับแม็คโครต่อไป” นายสมเกียรติกล่าว ทั้งนี้การที่ซีพีควบรวมกิจการโลตัส มองว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด ซึ่งธุรกิจในเครือเดียวกันอาจจะมีนโยบายที่สอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน จึงเป็นเรื่องที่คู่ค้าจะต้องปรับตัวสร้างความเข้าใจหลักเกณฑ์ในการทำธุรกิจ และมองว่าเป็นช่องทางขยายตลาดผักสดที่มีคุณภาพเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วย