อดีตพระพุทธะอิสระ เตือนเด็กและเยาวชน ที่ร่วมการชุมนุมกับม็อบคณะราษฎร ขอให้หยุดและถอนตัวเองออกจาการร่วมชุมนุม ชี้กำลังตกเป็นเครื่องมือต่างชาติ ที่จ้องทำลายประเทศไทย วันนี้​ (22​ พ.ย.63)​ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพรให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มีความสุข แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ในการแสดงออกถึงการปกป้องสถาบันหลักของชาติ ที่อุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ โดยอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้กล่าวถึงการชุมนุมเรียกร้องของ กลุ่มม็อบคณะราษฎร ว่า​ ม็อบครั้งนี้ไม่ใช่ม็อบที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นม็อบที่เป็นปฎิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนาด้วย ซึ่งจะเห็นในม็อบว่ามีธงศาสนาใหม่เกิดขึ้นแล้ว เรียกว่า​ "ธงแครอทธรรมจักร" ซึ่งเดิมทีแกนนำด้านความคิด ของม็อบกลุ่มนี้เดิมทีเป็นกลุ่มนักวิชาการคณะราษฎร์ในธรรมศาสตร์ ที่มีหลักคิดต่อต้านพระพุทธเจ้า เหมือนอย่างที่ลงเฟสบุ้ค ไม่มี อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ยังระบุด้วยว่า​ กระบวนการต้อสู้ของม็อบในครั้งนี้​ ไม่ได้ต่อสู้เพียงเพื่อจะแย่งชิงอำนาจการปกครอง แต่เป็นการต่อสู้เพื่อจ้องจะล้มล้างรากเหง้าของบรรพบุรุษไทย ที่มีความงดงาม ที่เรามีวัฒนธรรม ภาษา มีศาสตร์และศิลป์เป็นของตัวเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลานี้ม็อบกลุ่มนี้ไม่ยอมรับสิ่งเหล่านี้เลย และถ้าขืนม็อบกลุ่มนี้กระทำการได้สำเร็จ เชื่อว่าศิลปวัฒนธรรมความเป็นชาติไทย จะถูกถอนรากเหง้าจนหมดสิ้น ดังนั้นตนจึงได้ออกตระเวนเดินสาย บอกให้ทราบถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ และให้ร่วมกันปกปักรักษาสถาบันชาติ ศาสนา แลพระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้ อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ยังได้ฝากข้อคิดถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ร่วมการชุมนุมครั้งนี้ ว่า​ เลิกได้ก็ขอให้เลิก หยุดได้ก็ขอให้หยุด ถอนตัวได้ก็ถอน เพราะสิ่งที่กลุ่มวัยรุ่นเยาวชนทั้งหลายที่ร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ มันเป็นการทำลายล้างรากเหง้าของบรรพบุรุษไทย และกำลังตกเป็นเครื่องมือของต่างชาติที่อยู่เบื้องหลังในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เพื่อดึงเอาสถาบันมาย่ำยีทำลาย ดึงเอาหลักการของประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียง ที่จะดำเนินการและรักษาขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี และปกป้องสิ่งที่ตนเองรัก ซึ่งเยาวชนที่ร่วมการชุมนุมได้มีการใช้ประชาธิปไตยแบบเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป และเอาแต่ใจตัวเอง แล้วไปทำลายสิ่งที่เขารัก ซึ่งไม่ใช่หลักของประชาธิปไตย ซึ่งการกระทำแบบนี้น่าจะเป็นอัตตาธิปไตย ซ่ะส่วนใหญ่ และตอนนี้เลิกได้ก็เลิกหยุดได้ก็หยุดซ่ะ พอได้ก็พอแล้วกลับไปเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ กลับไปทำหน้าที่เยาวชนที่ดีของชาติ และขอฝากถึงกลุ่มเยาวชนว่าจะเปลี่ยนอะไรก็แล้วแต่อย่าลืมรากเหง้าเก่า อย่าทิ้งของเก่า อย่าทำร้ายพ่อแม่ อย่าทำให้บรรพบุรุษเสียใจ