วันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ถ.อยุธยา-เสนา ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดย นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา นายสนิท ตระกูลพรายงาม อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายชัยเทพ จันทนจุลกะ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ศาลยุติธรรม ข้าราชการฝ่าย ตุลาการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ข้าราชการในพื้นที่ และ เหล่าพสกนิกร เฝ้ารับเสด็จ ฯ ในการนี้ นายชัยเทพ จันทนจุลกะ ผู้พิพากษาหัวหน้ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแผ่นศิลา เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และ ลงพระนามาภิไธย พร้อมกันนี้นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรม ได้เบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา 120 ราย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานของที่ระลึก และ นายสนิท ตระกูลพรายงาม อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 ได้ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลกล้ทูลกระหม่อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยด้วย ทั้งนี้ "ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา" เดิมตั้งแต่ที่ได้เปิดทำการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย 2500 ได้ใช้อาคารร่วมกับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนถนนอู่ทอง ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา ข้างพระราชวังจันทร์เกษม ต่อมาปี พ.ศ.2532 มีพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวง ฯ ส่งผลให้ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา มีเขตอำนาจครอบคลุมทุกอำเภอในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งสิ้น 16 อำเภอ ปริมาณคดีที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในวันที่ 20 มกราคม 2557 ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา จึงได้ย้ายมายังที่ทำการแห่งใหม่ โดยก่อสร้างเป็นอาคารสูง 2 ชั้น จำนวน 2 อาคารเชื่อมต่อกัน ขนาด 8 บัลลังก์ บนที่ราชพัสดุเนื้อที่ 11 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา ถ.อยุธยา-เสนา ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา สำหรับเขตอำนาจศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ตลอดท้องที่ทั้ง 16 อำเภอนั้น จะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ซึ่งกฎหมายกำหนดโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และคดีแพ่งซึ่งราคาทรัพย์สินข้อพิพาทหรือจำนวนเงินที่ฟ้องไม่เกิน 300,000 บาท จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมทักทายพสกนิกรที่มารอรับเสด็จฯอย่างใกล้ชิดไม่ถือพระองค์ สร้างความปลาบปลื้มปิติยินดีแก่พสกนิกรที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯเป็นจำนวนมากและยาวเหยียด ถึงกับกลั้นน้ำตาในความปิติยินดีที่ได้สัมผัสพระหัตถ์ และกราบพระบาทในหลวงและพระราชินี