ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร์ที่หน้ารัฐสภาถนนเกียกกายและที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติถนนพระราม 1 ซึ่งเกิดความเสียหายและความรุนแรงขึ้นทั้ง 2 จุด ล่าสุดพลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าขณะนี้ทั้ง 2 คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อพิสูจน์ทราบระบุตัวบุคคลที่กระทำความผิดทั้ง 2 จุด เบื้องต้นสามารถระบุตัวบุคคลได้แล้วรวมมากกว่า 30 คน แบ่งเป็นในพื้นที่สน.บางโพจากการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา สามารถพิสูจน์ทราบบุคคลได้แล้ว 14 คน ,ในพื้นที่สน. ปทุมวัน จากการชุมนุมกันที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถระบุตัวและพิสูจน์ทราบบุคคลได้แล้ว 17 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่กระทำความผิดจากการก่อความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเข้าข่ายความผิดในหลายข้อหา อาทิ ความผิดตามพรบ.การชุมนุม , กฎหมายอาญา ข้อหาสมคบกัน 10 คนเพื่อก่อความวุ่นวาย, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายร่างกายสาหัส,พยายามฆ่า ,ความผิดตามพรบ.ความสะอาด, และพรบ.จราจรทางบก คาดว่าในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะเริ่มดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนได้ ส่วนประเด็นเรื่องการปะทะกันที่บริเวณหน้ารัฐสภา ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวผู้ได้รับบาดเจ็บมาให้ปากคำได้แล้วรวม 3 คน โดยเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่แยกบางโพ 1 คน และแยกเกียกกาย 2 คน ซึ่งมีทั้งผู้ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร์และผู้ชุมนุมกลุ่มปกป้องสถาบัน ส่วนลักษณะการก่อเหตุจะเป็นการจงใจก่อเหตุเพื่อหวังเอาชีวิตหรือเป็นการปกป้องคุ้มกันกลุ่มหรือไม่ ยังไม่สามารถเจาะจงประเด็นแรงจูงใจต่างๆได้ต้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบแนววิถีกระสุนและพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติม ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาจากกลุ่มปกป้องสถาบันที่พกพาอาวุธปืนเข้ามาร่วมชุมนุมด้วยนั้น ขณะนี้ได้นำอาวุธปืนดังกล่าวไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาเอกลักษณ์เฉพาะของเกลียวกระบอกปืนและเข็มแทงชนวนแล้ว เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหัวกระสุน และบาดแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ สำหรับการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลวในวันพรุ่งนี้ ล่าสุดจากการตรวจสอบยังไม่พบว่ากลุ่มดังกล่าวมีการแจ้งขอชุมนุมมาที่ตำรวจ ซึ่งหากวันนี้ก่อนบ่าย 2 ยังไม่แจ้งขอชุมนุมก็จะถือว่าเป็นความผิดตามพรบ.การชุมนุม ส่วนการเตรียมกำลังดูแลการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมเพื่อจัดเตรียมกำลังและวางแนวทางการป้องกันกันอีกครั้งในคืนนี้กับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นในการควบคุมดูแลการชุมนุมครั้งนี้ จะมีการเพิ่มกำลังของกองร้อยควบคุมฝูงชนที่เป็นตำรวจหญิงมากขึ้น เนื่องจากผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่มาร่วมชุมนุมเป็นเด็กนักเรียนและเยาวชน เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงกับผู้ชุมนุมน้อยที่สุด นอกจากนี้จะมีผู้พิพากษาสมทบของศาลเยาวชน เจ้าหน้าที่สงเคราะห์เด็ก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร์และกลุ่มนักเรียนเลว จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มตามในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทางตำรวจยืนยันว่าขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากต้องรอการพิจารณากำหนดขอบเขตการแจ้งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีอย่างชัดเจนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในวันจันทร์นี้พลตำรวจโทจารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการเรียกประชุมหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อขอบเขตให้ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการบังคับใช้ สำหรับกรณีที่สมาชิกกลุ่มนักเรียนเลวมีการโพสต์ภาพหมายเรียก ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ สน.ลุมพินีนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 แต่เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พรบ.การชุมนุม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 แต่อย่างใด