ค่ายประกันรถชั้นนำชักแถวลดต้นทุนทำเคลมผ่านเซอร์เวยเยอร์ แห่ใช้บริการแอปพลิเคชั่นน็อคฟอร์น็อคของเล่นใหม่ ล่าสุดจับมือเคลมดิออกเวอร์ชั่นใหม่ Claim Di K4K ระบบชนเล็ก Shake แล้วแยก ช่วยปัญหาจราจรไม่ต้องเสียเวลาเรียกประกันอีกต่อไป พร้อมจัดโปรโมทแจกคูปองแท็กซี่ 3,000 บาท หากชนแล้ว Shake ประเดิม 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ เชื่อทั้งอุตสาหกรรมพร้อมใช้เร็วๆ นี้ นายกิตตินันท์ อนุพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่แอปพลิเคชั่น Claim Di ได้เข้ามาช่วยเหลือวงการประกันภัยจนได้รับการยกย่องว่าเป็น Insure-tech ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้ และล่าสุด Claim Di ได้ออกเวอร์ชั่นใหม่ที่เพิ่มคุณสมบัติให้ผู้ทำประกันภัยรถยนต์สามารถ “ชนแล้วแยก” หรือ “Claim Di K4K ระบบชนเล็ก Shake แล้วแยก” ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ระบบ “Claim Di K4K ระบบชนเล็ก Shake แล้วแยก” ในช่วงต้นจะมีบริษัทประกันภัยที่จัดการระบบเสร็จเรียบร้อยและสามารถเข้าร่วมได้ทันทีจำนวน 4 รายประกอบด้วย บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนชาต ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะทำให้ผู้ทำประกันรถยนต์จาก 4 บริษัทดังกล่าวสามารถ Knock for Knock หรือ “ชนแล้วแยก” สำหรับอุบัติเหตุขนาดเล็ก ทั่วประเทศ ได้ในทันที และจะมีบริษัทประกันภัยอีก 6 รายที่ได้ลงนามเข้าร่วม และสามารถใช้งานได้จริงตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมนี้ คือ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) “ลูกค้าประกันฯ ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Claim Di ไว้ก่อน ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นของบริษัทประกันรายใดก็ได้ หรือจะเป็นเวอร์ชัน Claim Di โดยตรง หลังจากนั้นหากเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย เช่น การเฉี่ยวชน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรียกพนักงานสำรวจภัย หรือเจ้าหน้าที่เคลมประกันมาตรวจสอบ คู่กรณีสามารถนำโทรศัพท์มือถือของตนเองและเปิดแอปพลิเคชั่น Claim Di มาเขย่ากัน หรือ Shake ระบบของ Claim Di จะจัดการเรื่องการเคลมประกันให้ทั้งหมด และคู่กรณีก็สามารถแยกจากจุดเกิดเหตุได้ทันที” นายกิตตินันท์ กล่าว ระบบ “Claim Di K4K ระบบชนเล็ก Shake แล้วแยก” จะทำให้ระยะเวลาการเคลมประกันจากเดิมที่ต้องเสียเวลาบนท้องถนนหลายชั่วโมงเหลือไม่เกิน 1 นาที หากมีการลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่นไว้แล้ว ช่วยลดปัญหาจราจรโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนได้อย่างมาก เพราะระบบจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ทำประกันรถยนต์ เนื่องจากจะมีระบบตอบรับจากบริษัทประกันภัยของเจ้าของรถยนต์กลับมาในทันทีแบบ real time ทำให้เราและคู่กรณีรับรู้ทันทีว่าได้ทำการเคลมประกันเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนให้คู่กรณีที่ประสบอุบัติเหตุได้ใช้ระบบ “Claim Di K4K ระบบชนเล็ก Shake แล้วแยก” เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร ทาง Claim Di ได้จัดแผนส่งเสริมการใช้งานแอปพลิเคชั่นนี้ โดยผู้ใช้งานด้วยการ Shake เมื่อนำรถเข้าอู่ซ่อม สามารถติดต่อรับรหัสเรียกใช้บริการ Taxi มูลค่า 3,000 บาท โดยจะเป็นรหัสคูปอง 15 ชุด ชุดละ 200 บาทต่อการใช้บริการหนึ่งครั้ง ซึ่งหากผู้ได้รับคูปองใช้จ่ายเกิน 200 บาทต่อเที่ยวต้องออกค่าบริการส่วนต่างเพิ่มเอง ซึ่งแคมเปญแจกคูปองแท็กซี่นี้จะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม โดยคูปองที่ได้รับจะมีอายุการใช้งาน 3 เดือนนับตั้งแต่ได้รับคูปอง สำหรับระบบ “Claim Di K4K ระบบชนเล็ก Shake แล้วแยก” จัดเป็นหนึ่งในโครงการ Social Enterprise ที่ระบบไอทีได้เข้ามาแก้ไขปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหาการจราจรที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนเมืองอย่างมาก ดังนั้นโครงการนี้จึงได้รับการสนับสนุนจาก สวพ.91 ซึ่งเป็นรายการวิทยุจราจรชื่อดัง โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วน เมื่อพบปัญหาอุบัติเหตุจะมีการให้คำแนะนำการใช้งานในทันที ปัจจุบัน Claim Di คือผู้พลิกโฉมวงการเคลมประกันภัยรถยนต์ยาวนานถึง 16 ปี เป็นผู้คิดค้นวิธีการทำเคลมโดยใช้ Mobile Phone + Mobile Printer + ระบบการรับแจ้ง และสั่งการ รวมทั้งระบบบริหารจัดการการทำเคลมหลังบ้าน ให้กับบริษัทประกันภัยมามากกว่า 35 ประกันภัย ซึ่งแต่ละบริษัทประกันภัยใช้บริการของที่แตกต่างกันไป เช่น Claim Di Enterprise ระบบบริหารจัดการเคลมหลังบ้านทั้งหมด, Claim Di Call บริการ Call Center 24X7 และ Non Office Hours, Claim Di Bike บริการรับจ้างสำรวจภัยด้วย ระบบ Claim Di Application รับทำเคลมสด เคลมแห้ง และตรวจสภาพรถยนต์การรับประกัน, Claim Di Assist บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน และบริการ Personal Assistance, Claim Di Inspection ระบบที่ให้ลูกค้าสามารถทำการตรวจสภาพรถยนต์เข้ามาได้เอง, Claim Di NA ระบบที่ให้ลูกค้าสามารถทำเคลมแห้งเข้ามาได้เอง, Claim Di ilertu ระบบที่ให้ลูกค้าสามารถกดเรียกพนักงานสำรวจภัยได้เองโดยไม่ต้องอธิบายจุดเกิดเหตุและ Claim Di K4K ระบบ ชนเล็ก Shake แล้วแยก ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั้ง Fin-Tech และ Insure-Tech กำลังเป็นที่จับตามองของทั่วโลก ทั้งตลาดการเงิน การลงทุน และธุรกิจประกันภัยกำลังถูกเขย่าด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามามากมาย เทคโนโลยีพวกนี้กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงนั้นเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนองค์กรใหญ่ๆ ในภาคธุรกิจทั้งสามปรับตัวแทบจะไม่ทัน แต่โชคดีที่ภาคธุรกิจประกันภัยในเมืองไทยมี Claim Di อยู่ ทำให้การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่จะส่งผลโดยตรงกับผู้บริโภค ได้มีการหารือและทำงานร่วมกันระหว่างธุรกิจและ Insure-Tech ตลอดเวลา จนแทบจะเป็นการก้าวเดินไปพร้อมกัน และเชื่อได้เลยว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ของโลก ในการที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยการบริการด้านประกันภัยรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุด สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คือ พฤติกรรมของผู้บริโภค ที่จากเดิมทำเพียงแค่ซื้อประกันรถยนต์แล้วจบ แต่เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาก็สร้างการแข่งขันตั้งแต่การเลือกซื้อประกันภัยที่ถูกและตรงใจที่สุด จะต้องสามารถแชร์ข้อมูลและสร้างรายละเอียดเพื่อเอื้อ ต่อการซื้อประกัน เช่น จำนวนเวลาที่ขับรถ วิธีการขับรถ ฯลฯ รวมถึงบริการเสริมต่างๆ เช่น การเคลมประกัน การนำรถเข้าอู่ซ่อม การมีรถยกฟรีให้บริการ การบริการเสริมต่างๆ ทุกอย่างจะอยู่แค่ปลายนิ้วของผู้บริโภค โดยการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์พกพา ธุรกิจประกันภัยจะต้องแข่งขันกันสร้างความพึงพอใจและเข้าใจผู้บริโภคตลอดเวลา Royalty หรือความจงรักภักดีกับแบรนด์จะลดน้อยลง เพราะลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนบริษัทประกันภัยตามความพึงพอใจของตนเอง ระบบ K4K ของเคลมดิคือตัวอย่างที่ดีที่สุด เพราะเมื่อผู้บริโภคให้ความนิยมขึ้นมาเมื่อไหร่ ความจำเป็นในการที่จะต้องมีนักสำรวจภัยก็จะหมดไป และเชื่อว่าหากมีบริการใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น ขณะนี้มีระบบการซื้อประกันที่ดี โอกาสที่พนักงานขายประกันจะหมดไปก็เป็นไปได้ ยิ่งผู้บริโภคเปลี่ยนและธุรกิจประกันเปลี่ยนตามก็จะส่งผลต่อโครงสร้างเดิมที่มีอยู่เดิมและการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่นั่นเอง นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการธุรกิจรถยนต์ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัท เมืองไทยประกันภัย ได้ร่วมพัฒนาเทคโนโลยียุคใหม่ร่วมกับ Claim Di มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นระบบเมืองไทย i-lert-u ระบบ Assist ที่บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน รวมถึงระบบหลังบ้านทั้งหมด ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ทำประกันรถยนต์ของบริษัทมาโดยตลอด เพราะเมืองไทยมักจะได้เป็นบริษัทประกันภัยแรกๆ ที่ได้นำบริการเหล่านี้มาให้ลูกค้าได้ใช้ การบริการก็ทำได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพอย่างมาก อย่างไรก็ตามระบบ Knock for Knock ถือเป็นระบบที่ไม่สามารถให้บริษัทประกันภัยเพียงรายใดรายหนึ่งพัฒนามาใช้ด้วยตนเองได้ เพราะการ K4K กันระหว่างลูกค้าประกันภัยของตนเองจะมีปริมาณที่น้อย และส่วนใหญ่จบที่แนวทางปฏิบัติเดิมจะง่ายกว่าอยู่แล้ว แต่สิ่งที่วงการประกันภัยต้องการคือ ระบบที่เป็นกลางเชื่อมต่อได้ทุกบริษัทประกันภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุลูกค้าของทุกประกันสามารถทำเคลมประกันเองได้ในทันที โดยที่บริษัทประกันภัยคู่กรณีทั้งสองรับรู้และอนุมัติ เมื่อ Claim Di ซึ่งเป็น Insure-tech ที่เป็นที่ยอมรับของวงการประกันภัยรถยนต์ในระดับโลก ได้เข้ามาเป็นตัวกลาง และได้สร้างชุดโปรแกรมต่อเชื่อมเข้ากับระบบไอทีหลังบ้านของทุกแห่งรวมทั้งของบริษัทด้วย แล้วยังเชื่อมต่อกับบริการเดิมที่มีอยู่ได้อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ลูกค้าของบริษัทสามารถลดเวลาการเคลมประกันหน้างาน ลดการสร้างปัญหาการจราจร และมีบริการเสริมอื่นๆ ที่บริษัทนำเสนอให้อย่างเป็นระบบเดียวกัน ถือเป็นการเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์แบบที่ทำให้ผู้ทำประกันรถยนต์ของเมืองไทยได้ประโยชน์สูงสุด นายอริยะ จักรานุรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายสินไหมทดแทน บริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในธุรกิจประกันภัยรถยนต์การเคลมประกันถือเป็นบริการที่เป็นจุดขายในการให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อประกันอย่างหนึ่ง ในแง่ธุรกิจก็มีการทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อให้ลูกค้าประกันภัยได้รับการเคลมประกันที่เร็วที่สุด แต่ทุกรายก็ยังอยู่ในวงจรเดิมคือ ต้องจ้างนักสำรวจภัย ต้องมีระบบคอลเซ็นเตอร์คอยรับเรื่องจัดทำเอกสารต่างๆ แม้จะลงทุนทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะทำระบบคอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมง มีระบบไอทีหลังบ้านที่ทันสมัยสามารถต่อเชื่อมกับทั้งนักสำรวจภัย อู่รถยนต์ และสำนักงานใหญ่ อื่นๆ ได้ทันที ตัวนักสำรวจภัยมีจีพีเอสสามารถรู้ตำแหน่งและติดตามตัวได้ตลอดเวลา และเมื่อถึงที่เกิดเหตุสามารถเคลมประกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งหมดใช้ต้นทุนมากมายแต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ การเคลมประกันภัยจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แต่การที่มีระบบ 4k4 ของเคลมดิ จะเป็นการปฏิวัติระบบทั้งหมด นั่นคือการเคลมประกันจะช้าเร็วขึ้นกับการตกลงของลูกค้าที่ประสบอุบัติเหตุ และเชื่อว่าในอนาคตเมื่อลูกค้ามีความคุ้นเคยกับระบบมากขึ้นเมื่อเกิดเหตุขึ้น คู่กรณีก็แค่นำโทรศัพท์มือถือมา Shake ใส่กัน แล้วก็แยกย้าย ผู้บริโภคจะลดต้นทุนเวลา ขณะที่ธุรกิจประกันภัยจะลดต้นทุนทางธุรกิจ สังคมลดปัญหาการจราจร ซึ่งถือเป็นการ win win win ทั้งหมด เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ระบบ K4K จะถูกนำไปใช้เป็นมาตรฐาน คือ ทุกบริษัทประกันภัยจะเข้ามาใช้ทั้งหมด และกลายเป็นมาตรฐานที่ลูกค้าประกันจะเรียกร้องก่อนทำประกัน ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันภัยลดต้นทุนในส่วนนี้ได้เหมือนกันทั้งหมด และจะหันไปเพิ่มบริการส่วนอื่นเพื่อแย่งชิงลูกค้าต่อไป นางสาวอภินรา ศรีกาญจนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ระบบ K4K ที่เคลมดิพัฒนาขึ้นครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค และลดปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนได้แล้ว สิ่งที่ธุรกิจประกันภัยรถยนต์โดยรวมได้รับก็คือ การลดต้นทุนจำนวนมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของธุรกิจประกันภัยที่จะมีระบบกลางและสามารถต่อเชื่อมกับบริการไอทีด้านหลังของแต่ละบริษัท แน่นอนความร่วมมือนี้จะส่งผลต่อเนื่องระยะยาวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อมูลของผู้บริโภค และข้อมูลของบริษัทประกันภัยเอง อย่างไรก็ตามเคลมดิถือเป็นแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือแรก และรายเดียวของเมืองไทยในขณะนี้ ซึ่งวางตัวเป็นกลางไม่ได้เป็นของบริษัทประกันภัยรายใดรายหนึ่ง เมื่อผู้บริโภคดาวน์โหลดไปใช้และสามารถต่อเชื่อมกับลูกค้าของทุกบริษัทได้ โอกาสต่อไปที่จะมีบริการใหม่ๆ ที่จะเป็นมาตรฐานการให้บริการของทุกบริษัทผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งหมดก็จะสามารถผลักดันบริการเหล่านั้นให้กับลูกค้าได้ทันที ทำให้ง่ายต่อการโปรโมทและการใช้งานของลูกค้าในอนาคต ดังนั้นเชื่อว่าทิศทางที่จะตอบสนองบริการลูกค้าประกันภัยรถยนต์ต่อไป จะมีบริการใหม่ๆ ออกมามากขึ้น โดยที่ทุกบริษัทประกันภัยจะอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน และเข้าถึงลูกค้าผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งลูกค้าสามารถรับรู้และตัดสินใจเลือกรับบริการต่างๆ เพียงปลายนิ้วเท่านั้น