ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ Charnvit Kasetsiri ระบุว่า...Thailand Democracy Monument and Burma Shwe Dagonครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว Aj. Craig Reynolds - Australia เคยเปรียบเทียบวัฒนธรรมสถานทั้งสองนี้ ว่ามีความหมาย คล้ายคลึงกัน ในฐานะเปนสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค เมื่อฟังแรก ๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร ผมคิดว่ามหาเจดีย์ชเวดากอง ขลังกว่า ส่วนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขลังน้อยกว่า หลายสิบปีผ่านไป ผมก้อเริ่มเปลี่ยนใจ อนุสาวรีย์ของไทย ค่อย ๆ ถูกต่อเติมความขลัง เพิ่มขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย จากการเปนจุดชุมนุมใหญ่ของเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จากการแบกศพวีรชน ห่อผ้าขึ้นไปฟ้องประชาชนในเหตุการณ์ ครั้งนั้น จากการดัดแปลงให้กลายเปนสวนดอกไม้ จากการกีดกันประชาชนออกไปให้ห่าง แม้แต่การเสนอให้ดัดแปลง เปลี่ยนรัฐธรรมนูญและพานแว่นฟ้า ให้เปนพระรูป รัชกาลที่ 7 บ้าง หรือไม่ก้อให้ทุบทิ้ง จากการพยายามลดบารมี รัศมีของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้ดำริให้ก่อสร้าง 2483/1940 แต่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก้อกลับขลังขึ้น ๆ จนกลายเปนที่ชุมนุมใหญ่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ ๆ กลายเปนภาพ background ที่ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาปีแล้วปีเล่า จากช่วงทศวรรษ 2530s ถึง 2550s จนกระทั่ง 2560s ในทุกวันนี้ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง คงทุบทิ้งไปง่าย ๆ ไม่ได้แล้ว ครับ เหตุการณ์จากการชุมนุมเมื่อ 14 พย. 2563 บอกเราว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง change เดินทางมาถึงแล้ว ครับ