เมื่อเวลา 14.15 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 23 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศพร้อมด้วยนายโยชิฮิเดะ สึกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเข้าร่วมประชุม โดยนายโยชิฮิเดะ สึกะ เน้นย้ำความร่วมมือในฐานะมิตรประเทศของอาเซียน ซึ่งญี่ปุ่นให้ความสำคัญเสริมสร้างความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นอย่างรอบด้าน พร้อมทำงานร่วมกับอาเซียนในกรอบความร่วมมือที่เปิดกว้างและเสรี ในบริบทของโควิด-19 ญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนการทำงานของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมความเป็นเอกภาพของอาเซียน และพร้อมร่วมมือเพื่อให้พื้นที่อินโด-แปซิฟิก มีความมั่งคั่งและเสร ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความยินดีกับนายโยชิฮิเดะ สึกะ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 99 ของญี่ปุ่น พร้อมกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแด่มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น เนื่องในพระราชพิธีสถาปนามกุฎราชกุมารเมื่อวันที่ 8 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โลกและภูมิภาคได้เผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อย่างโควิด-19 ซึ่งเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในสภาวะถดถอย ความตึงเครียดระหว่างประเทศมหาอำนาจ ทำให้เกิดความไม่แน่นอน ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นในอนาคต วิกฤตนี้เป็นโอกาสที่อาเซียนและญี่ปุ่นได้เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งกุญแจสำคัญคือความร่วมมือภายใต้เอกสารมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (AOIP) ไทยจึงสนับสนุนข้อเสนอของญี่ปุ่นในการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมภายใต้เอกสาร AOIP และร่วมรับรองถ้อยแถลงร่วมในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอเสนอให้อาเซียนและญี่ปุ่นมุ่งเน้นเป้าหมายและสาขาความร่วมมือที่สอดคล้องกับบริบทของโลกในปัจจุบัน 3 ประการ คือ 1.ภูมิภาคที่มั่นคง ต้องยึดมั่นวัตถุประสงค์ตามเอกสาร AOIP ที่สร้างภูมิภาคที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยมีอาเซียนเป็นศูนย์กลางมุ่งขยายความร่วมมือบนพื้นฐานของหลักการร่วมกัน 2.เศรษฐกิจที่มั่งคั่ง การเสริมสร้างการบูรณาการทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค ไทยยินดีลงนามความตกลง RCEP โดยเน้นการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ อาเซียนพร้อมต้อนรับนักลงทุนและนักธุรกิจญี่ปุ่นและร่วมมือในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น และ3.สังคมที่ยั่งยืน ต้องเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ด้านสาธารณสุข ซึ่งไทยและหลายประเทศในอาเซียน พร้อมเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ โดยจะสนับสนุนบุคลากรและงบประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และจะหารือกับประเทศสมาชิกเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ไทยพร้อมสานต่อความร่วมมือด้านปกป้องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการจัดการขยะทะเล ซึ่งสอดคล้องกับความร่วมมือระหว่างกรอบปฏิบัติการอาเซียนด้านขยะทะเลกับกรอบความร่วมมือ G20 ของญี่ปุ่นในเรื่องนี้