เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – จีน ครั้งที่ 23 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจากทั้ง 10 ประเทศ และนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เข้าร่วมประชุม โดยนายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างจีนและอาเซียนที่มีร่วมกันหลายมิติ ซึ่งจีนมีความประสงค์จะพัฒนาอย่างสันติเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และขอให้ทุกฝ่ายพัฒนาแนวทางความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน เดินไปข้างหน้าอย่างสามัคคี และก้าวข้ามวิกฤตที่เกิดขึ้นไปด้วยกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำบทบาท และความร่วมมือระหว่างอาเซียน และจีนที่มีมาอย่างแนบแน่น ซึ่งทุกฝ่ายร่วมมือกันฝ่าฟันวิกฤตมาตลอดระยะเวลา 30 ปี เปรียบเสมือนสุภาษิตที่ว่า มิตรในยามยากคือมิตรแท้และวิกฤตโควิด-19 ได้พิสูจน์ความเป็นมิตรแท้อีกครั้ง จากการที่อาเซียนและจีนได้ร่วมกันรับมือ นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด เพื่อฟื้นฟูภูมิภาคให้กลับมาเข้มแข็ง ผ่านการกำหนดอนาคตร่วมกัน และขอบคุณที่จีนให้ความร่วมมือและสนับสนุนข้อริเริ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะกองทุนอาเซียน เพื่อรับมือกับโควิด-19 จำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการประกาศให้วัคซีนและยาต้านไวรัสโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับมิตรประเทศพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง การร่วมทำวิจัย พัฒนา และผลิตยา เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประเทศในภูมิภาค พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อนาคตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาเชียนและจีนต้องร่วมมือกันเสริมสร้างความแข็งแกร่งบนพื้นฐานของการพึ่งพาระหว่างกันทางเศรษฐกิจ ยึดมั่นระบบการค้าพหุภาคี สานต่อบูรณาการทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และRCEP โดยอาเซียนและจีนต้องร่วมมือเสริมสร้างความยั่งยืนในทุกมิติและร่วมประกาศให้ปี 2564 เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนอาเซียน-จีน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับความร่วมมืออาเซียนและจีนต่อสู้กับความยากจน ความหิวโหย และภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม และการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงความร่วมมือเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค โดยขอให้แสวงหาจุดร่วม และสงวนจุดต่างใช้ความยับยั้งชั่งใจ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และหันมาหารือเพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน