นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไปรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (อบจ.) ซึ่งมีกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองไปล้อมรถขัดขวาง ว่า ทุกคนต้องระมัดระวัง การที่กกต. ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเรื่องดี เพราะทำให้หลายคนที่จะลงไปก็ไม่กล้าลงและไม่เกิดการปะทะกัน ทางที่ดีคือทุกคนควรทำตามคำแนะนำของกกต. เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังรวบรวมข้อมูลตรวจสอบคณะก้าวหน้า หลังมีผู้ยื่นร้องเรียนว่ามีลักษณะการเคลื่อนไหวคล้ายกับพรรคการเมืองในการหาเสียงเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า ถ้ากกต. กังวลเรื่องนี้ให้เขาไปจัดการเอง ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า กกต.กังวลจริงหรือไม่ กกต.ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิตัดสินใจเรื่องนี้ คนอื่นไม่มีสิทธิไปกางกติกาแล้วออกมาพูด ส่วนที่มีคนไปยื่นร้องเรียนกรณีของคณะก้าวหน้าก็เป็นเรื่องของ กกต. พิจารณา เมื่อถามว่า การดำเนินการในฐานะกลุ่มการเมืองกับพรรคการเมืองมีความก้ำกึ่งกันใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความก้ำกึ่งกัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบปัจเจกบุคคล แบบกลุ่ม หรือพรรคการเมือง ทั้งหมดมีความก้ำกึ่งกัน อย่างไรก็ตามอย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของกลุ่มหรืออะไร เพราะเมื่อกกต. บอกว่า พรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครได้ พรรคนั้นก็สามารถช่วยคนของเขาหาเสียงได้ ก็ไม่แปลกอะไร เพียงแต่ยกเว้นว่า ข้าราชการการเมือง และสมาชิกสภา ห้ามไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น เขาแค่ห้ามคน ไม่ได้ห้ามพรรค เมื่อถามถึงบางฝ่ายยังมีข้อสงสัยว่า กรณีที่พ่อเป็น ส.ส. แต่ลูกไปลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น พ่อไม่สามารถไปช่วยลูกหาเสียงได้ รองนายกฯ กล่าวว่า ตอนลูกไปสอบไม่เห็นพ่อต้องไปช่วยลูกสอบเลย ไม่มีอะไรต้องงง เราอย่าไปหยิบเรื่องความเป็นลูกเป็นพ่อ แต่ต้องหยิบเรื่องความเป็นสมาชิกสภา หรือความเป็นรัฐมนตรีที่สามารถให้คุณให้โทษ หรือก่อให้เกิดอิทธิพลได้ เราต้องแยกหมวกให้ออก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สามารถช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อสม. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า อสม. ช่วยหาเสียงได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่