ในเวลานี้กลุ่มอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) ได้ตอกย้ำการเติบโตในประเทศไทยและทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอุตสาหกรรมโรงแรมจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวจากโควิด-19 ก็ตาม เนื่องจากการล็อกดาวน์ ซึ่งมีมาตรการจำกัดการเดินทาง การปิดพรมแดนระหว่างประเทศ และการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจทั่วโลก จนส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมด้านการบริการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ นายราจิต สุขุมารัน กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ทางไอเอชจี ได้เตรียมพร้อมเพื่อต้อนรับลูกค้าที่จะกลับเข้ามาพักที่โรงแรม ด้วยการเดินหน้าขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า ภาคธุรกิจโรงแรมจะสามารถกลับมาฟื้นตัวเต็มที่ในปี 2566 หรืออาจจะหลังจากนั้น แต่จากสถานการณ์ที่รัฐบาลในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลีได้เริ่มดำเนินนโยบายลดการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 แล้ว ทำให้ทางกรุ๊ปเห็นการลดมาตรการจำกัดการเดินทางในหลายๆ ประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางภายในประเทศได้สะดวกมากขึ้น แม้พรมแดนระหว่างประเทศจะถูกปิดอยู่ก็ตาม จึงทำให้ทางไอเอชจีกลับมาเปิดบริการโรงแรม รวมทั้งได้เปิดตัวโครงการใหม่ โดยได้ร่วมลงนามในข้อตกลงเพื่อบริหารจัดการโรงแรมแห่งใหม่ นับเป็นสัญญาณที่ชัดเจน ที่เจ้าของโรงแรมยังเชื่อมั่นในแบรนด์ไอเอชจี นั้นเอง อินเตอร์คอนติเนนตัล อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่ง นายราจิต กล่าวว่า ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญ และมีส่วนในการเติบโตของไอเอชจึในอนาคต เนื่องจากเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในการดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ด้วยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม กระตุ้นความสนใจให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้เปิดตัว คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ นับเป็นโรงแรมที่สวยงามและหรูหรา เป็นสถานที่ที่ลูกค้าเมื่อเข้าพักจะได้สัมผัสช่วงเวลาที่แสนวิเศษและเพลิดเพลินใจได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาโรงแรม แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่มีทุกอย่างครบครัน และเป็นโรงแรมในเครือคราวน์ พลาซ่า รวมทั้งยังมีโครงการใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวทั้งในเมืองและแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย  โรงแรม อินดิโก้ สำหรับประเทศไทยถือเป็นส่วนสำคัญในแผนการเติบโตของไอเอชจี ดังนั้นจึงได้มีการตั้งทีมประจำในกรุงเทพฯ เพื่อทุ่มเทกับการส่งเสริมโครงการที่มีอยู่ทั้งในปัจจุบันและโครงการที่เตรียมจะเปิดตัวในอนาคต นอกจากนี้กำลังเตรียมขยายทีมเพื่อเพิ่มผู้เชี่ยวชาญให้ครอบคลุมในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และฝ่ายพัฒนาบุคคล โดยในปีนี้ไอเอชจี ได้เปิดตัว สเตย์บริดจ์สวีทส์ และ คิมป์ตัน โฮเต็ล แอนด์ เรสเตอรองส์ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก รวมถึงยังมีโครงการอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดย นายราจิต กล่าวต่อว่า ไอเอชจีได้เปิดให้บริการโรงแรมมากกว่า 80 แห่งทั่วโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ซึ่งพิจารณาจากจำนวนห้องรวมแล้วมากกว่าในปี 2562 ทั้งในยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริการวมถึงในแถบอเมริกา และในไตรมาส 3 ของปีนี้ยังมีจำนวนโรงแรมที่เปิดใหม่ในแถบอเมริกามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 ถือเป็นสถิติในทางบวกเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังสร้างสถิติใหม่ของการลงนามข้อตกลงในประเทศจีนอีกด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะเป้าหมายหลัก คือ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในสถานที่ใหม่ๆ และจาก 16 แบรนด์ที่มีในเครือปัจจุบัน น่าจะมีโอกาสที่ดีในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว  สเตย์บริดจ์สวีทส์ ด้าน นางสาวเซเรน่า ลิม รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กล่าวว่า ทางไอเอชจี กำลังดำเนินตามเป้าหมาย ด้วยการเพิ่มจำนวนอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางขึ้นเป็นสองเท่า ทั้งฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ในประเทศไทยช่วง 3-5 ปีข้างหน้า และยังเตรียมขยายแบรนด์ อินเตอร์คอนติเนนตัล ด้วยการเปิดตัว โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเชียงใหม่แม่ปิง นับเป็นโรงแรม 2 แห่งที่จะเกิดขึ้นอีก 1-2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์อื่นๆ ทั้งคราวน์ พลาซ่า โรงแรม อินดิโก้ และ โรงแรมโวโค่ เป็นต้น เซเรน่า ลิม อย่างไรก็ตาม นางสาวเซเรน่า ยังกล่าวต่อว่า ทางไอเอชจีไม่เพียงขยายโครงการไปยังเมืองใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเมืองรองอื่นๆ อาทิ เชียงราย ระยอง หาดใหญ่ รวมไปถึงเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้ประกาศการลงนามสัญญาสองฉบับเพื่อเตรียมเปิด ฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส แอนด์ สวีท ที่หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ตอีกด้วย เนื่องจากมั่นใจ ว่า เมื่อมีการกลับมาท่องเที่ยวกันอีกครั้ง ทางไอเอชจี และโรงแรมในเครือก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นแม้ว่าอุตสาหกรรมบริการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมจะต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัว เพื่อการกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่ทางไอเอชจีก็มั่นใจในทุกกระบวนการ ที่เข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนเจ้าของโรงแรม รวมถึงส่งเสริมความต้องการของนักท่องเที่ยวให้กลับมาใช้บริการที่โรงแรมของกลุ่มไอเอชจี อีกครั้ง เนื่องจากไอเอชจีให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทั้งขนาดและจุดยืนด้านการตลาดเพื่อให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งและเติบโตไปข้างหน้า