“ผบ.ทบ.” เตือนม็อบอย่าบุกรุก “เขตพระราชฐาน” ถามปาประทัด หากโดน “วัดพระแก้ว-ศาลหลักเมือง” ใครรับผิดชอบ ย้ำความคิด “รัฐประหาร” ยังติดลบ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลการชุมนุมของกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ที่ไป ไม่ได้ไปในลักษณะควบคุมฝูงชน เพราะอยู่นอกเครื่องแบบ แต่เจ้าหน้าที่ตรงนั้นที่เป็นข่าวไปอยู่ด้านหลังแนวตำรวจ ตนขอพูดในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ซึ่งสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมุ่งไปพระบรมมหาราชวัง ศาลหลักเมือง และวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นมีใครรับประกันหรือรับผิดชอบได้หรือไม่ต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเฝ้าระวังป้องกัน ส่วนทหารบริเวณนั้นอยู่หลังตำรวจหากมีมวลชนหลุดแนวตำรวจออกมาก็จะเป็นหน้าที่ของทหารที่จะต้องป้องกันแต่ในส่วนของการ์ดที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมก็คุยกันแล้วว่าเป็นการชุมนุมอย่างสงบและสันติ เราพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง ทางกลุ่มผู้ชุมนุมและความมั่นคงได้พูดคุยกันมาตลอด “แม้การชุมนุมดังกล่าวจะผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ประนีประนอม ไม่ได้ดำเนินคดีทั้งหมด ใครที่ทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินการเฉพาะรายบุคคล ในส่วนของการ์ดที่ดูแลรักษาความปลอดภัยต้องยอมรับว่าเขาพยายามเจรจากับตำรวจในสิ่งที่เขาอยากจะกระทำ และยืนยันชุมนุมโดยสงบ และสันติ แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่ามีกลุ่มคน ผมย้ำเสมอว่าอย่าให้เกิดความรุนแรง ต้องควบคุมให้ได้ ถ้าเกิดความรุนแรงเมื่อไหร่ประเทศชาติก็จะถอยลงไปอีกที หากดูจากคลิปหรือข้อมูลต่างๆ ทหารที่ออกไปส่วนนั้นก็คือช่วยไปดูแลเจ้าหน้าที่อยู่ข้างหลัง หากมีอะไรขึ้นมาทหารจะได้ช่วยตำรวจ และประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทหารตรงนั้นกลับได้รับบาดเจ็บเสียเอง เพราะมีกลุ่มที่ต้องการสร้างความรุนแรง หากเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยไป พวกที่ต้องการสร้างความรุนแรงก็เข้าไปได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้สกรีนคน เราก็เห็นแล้วในคลิปว่าเขาเตรียมสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับประทัด ที่มีไฟจุด ขว้างข้ามรถบัส ผมถามว่าหากปล่อยไปจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา หากปาเข้าไปในศาลหลักเมือง วัดพระแก้วแล้วเกิดความเสียหาย ใครจะออกมายืนรับผิดชอบ แล้วความรู้สึกของคนทั้งประเทศจะเป็นอย่างไร” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าว เมื่อถามว่า ทางทหารจะสามารถยอมรับได้ขนาดไหน หากมีการบุกรุกพื้นที่เขตพระราชฐานอีก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เขตพระราชฐานมีลักษณะคล้ายกับบ้าน เราก็ไม่ต้องการให้ใครมาบุกรุก ทุกคนก็รักบ้านตัวเองและครอบครัวตัวเอง สิ่งที่พยายามก็คืออย่าให้เกิดความรุนแรง เพราะสถานการณ์ตอนนี้กำลังดีขึ้น จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศไทยทำได้ดี และที่ตนได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมกองกำลังชายแดนก็คือไปเน้นย้ำเรื่องนี้ไม่ให้การ์ดตก เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่มีทางออก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวย้ำว่า มี ซึ่งตนจำไว้เสมอว่าการเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง หากทุกคนมีสติ และมองกระจกให้รอบด้านว่าควรจะทำอะไร เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทหารดูแลอะไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งว่าให้ดูแลตามแนวชายแดนโดยเฉพาะการป้องกันเรื่องโควิด-19 ตนก็รับคำสั่งมาตามภารกิจหน้าที่ เมื่อถามว่า ในสถานการณ์แบบนี้บทบาทของทหารควรเป็นอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า บทบาทของทหาร ก็เป็นไปตามที่ได้ระบุไว้ ทั้งเรื่องงานชายแดน และการดูแลประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน เมื่อถามว่า มีบางกลุ่มเรียกร้องให้ทำรัฐประหาร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “รัฐประหารติดลบ”