โดนฟ้องไปเรียบร้อยโรงเรียนอเมริกันซะแล้วสำหรับ “โปเกมอน โก” ฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวบ้าน แล้วก็ฟ้องเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (class action) ซะด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นที่รู้สึกเดือดร้อนรำคาญด้วยข้อเท็จจริงเดียวกันมาร่วมเป็นโจทก์เพิ่มเติม เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาวันที่ 6 กรกฎาคม ผ่านไปไม่ถึงเดือนก็โดนฟ้องคดีแรกเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา Jeffery Marder เจ้าของบ้านในแคลิฟอร์เนียถือเป็นฤกษ์ดียื่นฟ้องบริษัทโปเกมอนและนินเท็นโด ที่ U.S. District Court Northern District of California ไปเรียบร้อยแล้วว่ารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ อย่างที่หลายคนทราบกันดี “โปเกมอน โก” เป็นเกมเสมือนจริงอย่างหนึ่ง (ราชบัณฑิตยสถานใช้คำว่า “ความเป็นจริงเสริม”) ที่ผู้เล่นใช้มือถือจับเหล่าโปเกมอนในสถานที่จริงได้โดยการผนึกกำลังกันระหว่างระบบ GPS, กล้องบนมือถือ และ Gyroscope บนมือถือ เมื่อผู้เล่นไปอยู่ที่ตำแหน่งที่กำหนดไว้โดยเกม ซอฟแวร์ก็จะเปิดภาพในมือถือให้แสดงภาพของโปเกมอนขึ้นมาซ้อนอยู่บนภาพในสถานที่จริงบนจอมือถือ คล้ายกับมีโปเกมอนอยู่บนโลกจริง จากนั้น ผู้เล่นก็ใช้มือถือจับโปเกมอนได้ (ดูภาพที่ 1) ตำแหน่งของโปเกมอนและของที่ผู้เล่นเกมตามเก็บเรียกกันว่า “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ถูกกำหนดโดยระบบ GPS ที่เชื่อมโยงกับแอพพลิเคชั่นที่บริษัทเกมออกแบบ ปัญหาที่เกิดก็คือ แม้กระแสโปเกมอนแรงทั่วโลก แม้หลายคนตามกระแสลงทุนไปตามหาตามเก็บโปเกมอน แต่หลายคนก็ไม่ได้ชอบโปเกมอน ทีนี้ ถ้าโปเกมอนมาซ่อนอยู่ในบ้าน ในสนามหญ้าของคนที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบก็รำคาญ ยิ่งการที่โปเกมอนมาซ่อนแล้วทำให้มีคนแปลกหน้ามาปีนรั้ว มาเดินตามในเขตบ้านหรือที่ดิน ก็กลายเป็นความเดือดร้อน Jeffery Marder น่าจะได้อารมณ์ประมาณนี้ เหมือนกับที่คำฟ้องส่วนหนึ่งระบุว่า “มีคนแปลกหน้ามีเคาะประตูบ้านของโจทก์อย่างน้อย 5 ครั้งขอเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน เพื่อจับโปเกมอนที่บริษัทจำเลยมาปล่อยเอาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน” ดูคำฟ้องแล้วน่าคิดเหมือนกันว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ออกแบบเกมเลยเถิดไปจนถึงขั้นสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเปล่า ในคำฟ้องบอกว่าพอเปิดให้เล่น “โปเกมอน โก” ก็ปรากฏว่าบริษัทจำเลยกำหนด “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ไว้บนทรัพย์สินของคนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องมากมาย โดยไม่มีการแจ้งหรือขออนุญาต คำฟ้องบอกต่อว่า บริษัทโปเกมอนคาดหมายผลกระทบได้แน่นอนอยู่แล้วว่าจะมีผู้คนที่แห่กันเล่นเกมหาโปเกมอนตามบ้านตามที่ดินของคนอื่นโดยไม่ได้ขออนุญาต อย่างนี้ ถ้ามองในแง่ของเจ้าของบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่พอใจ ก็น่าคิดเหมือนกันว่าเจ้าของบ้านจะเหลือสิทธิอะไรที่จะคุ้มครองบ้านของตัวเองจากผู้เล่นเกมทั้งหลายหรือไม่ กฎหมายลักษณะ “ทรัพย์” ของประเทศทั่วโลกถือว่าเจ้าของบ้าน เจ้าของที่ดินมี “ทรัพยสิทธิ” บนที่ดินของตน ทรัพยสิทธินี่สำคัญครับเพราะประกอบด้วยสิทธิหลายอย่างเช่น กรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง เป็นต้น ที่สำคัญ หลักทั่วไปของกฎหมายลักษณะ “ทรัพย์” ให้ทรัพยสิทธิเหล่านี้เป็นสิทธิเด็ดขาดและถาวรเพราะติดอยู่กับบ้านหรือที่ดินนั้นเลย แถมเป็นสิทธิที่เจ้าของจะอ้างกับใครก็ได้ สำหรับกฎหมายรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ (nuisance) ของแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นบ้านของ Jeffery Marder โจทก์ในคดี การรบกวนที่เรียกว่า “private nuisance” ที่ฟ้องนั้นครอบคลุมการละเมิดกว้างและละเมิดกันง่ายนะครับ เพราะเป็นเรื่องที่แค่เจ้าของบ้านถูกรบกวนการใช้ประโยชน์ก็ละเมิดได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องละเมิดถึงขนาดมีการบุกรุกบ้านหรือที่ดินนั้น ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของสุนัขปล่อยน้องหมาไปอึบนสนามหญ้าบ้านคนอื่น ก็เข้าข่ายเป็นการรบกวนแบบง่าย ๆ อย่างหนึ่งได้ เป็นต้น คำฟ้องเขียนได้ดีนะครับ โจทก์พยายามโยงให้เห็นว่าบริษัทเกมที่เป็นจำเลยเจตนาและคาดหมายได้อยู่แล้วว่าจะทำให้เจ้าของบ้านจำนวนมากเดือดร้อน แต่ก็ไม่สนใจ แถมยังจัดให้แอพพลิเคชั่นของบริษัทจำเลยกำหนดพื้นที่ในสวนหรือในบ้านเหล่านั้นเป็นจุดหา “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ซะอีก เรียกว่า เอาแต่ได้อย่างเดียวเลย ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วถ้ามีคนละเมิดบุกเข้าบ้านเขาไปแล้วหยิบของติดไม้ติดมือหรือเกิดทะเลาะกับเจ้าของบ้านหรือลูกสาวเจ้าของบ้านด้วย ถ้าเรื่องไปกันใหญ่ ใครจะรับผิดชอบ คำฟ้องของโจทก์พยายามบอกว่าก็ต้องบริษัทจำเลยนั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุและควรต้องรับผิดชอบ Jeffery Marder โจทก์ในคดีนี้อธิบายว่าเหตุที่ฟ้องเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่มก็เพราะความเดือดร้อนที่ว่านี้เกิดกับหลายคน ยกตัวอย่างเช่น Sheridan ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านอีกหลังหนึ่งร้องเรียนว่าในวันที่เริ่มให้ดาวน์โหลดเกม มีคนแปลกหน้า 15 คนกับรถ 3 คันมาที่บ้าน เขารู้สึกว่าไม่สามารถมีสิทธิบนที่ดินของตัวเองได้และไม่รู้จะแก้ไขอย่างใด ทำนองเดียวกัน ผู้แทนสุสานแห่งหนึ่งในเมืองใกล้กันออกมาแสดงความไม่พอใจที่พื้นที่สุสานกลายเป็นจุดหา “Pokestops” และ “Pokemon gyms” ทั้งที่ควรจะเป็นพื้นที่สงบมากกว่าสนามเล่นเกม คดีนี้เป็นคดีนำล่องนะครับ ขณะเขียนต้นฉบับมีคดีฟ้องโปเกมอนเพิ่มขึ้นแล้วหลายคดีในหลายมลรัฐ ผมว่าถ้ารวมคดีฟ้องใหม่เดือนสิงหาคมและกันยายนอาจจะได้เป็นสิบคดี นี่ไม่นับว่าถ้ามีลูกขุนในคดีไหนชี้ขาดว่าละเมิดละก็ มีเฮทีเดียวไว้ผลคดีเป็นอย่างใด เรามาพูดกันอีกที ไม่รู้ในไทยเรามีใครลองฟ้องคดีละเมิดกันแล้วหรือยัง แต่ผ่านมาแค่ 2 ถึง 3 สัปดาห์ ข่าว “โปเกมอน โก” ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย จากข่าวที่เคยเป็นกระแสต้องเล่น ต้องไปเดินจับ กลายเป็นข่าวหลายสถานที่ประกาศห้ามเล่น ส่วนตำรวจก็ออกข่าวจะจับคนเล่นซะแล้ว โลกเปลี่ยนไปเร็วจนโปเกมอนอยาก โกโฮม