วันที่ 30 ต.ค.63 ที่ สน.ดอนเมือง นายปิติคุณ เกสรินทร์ ทนายความ พร้อมทีมทนายความของ ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมงคลประกันภัยจำกัด (มหาชน) ผู้มอบอำนาจ เข้าพบ ร.ต.อ.จารุกิตต์ จันระดา รอง.สว.สอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีกับ 2 พิธีกรดังรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ออกอากาศช่อง MCOT HD 30 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา นายปิติคุณ ทนายความ กล่าวว่า ตนในฐานะผู้รับมอบอำนาจ มาแจ้งความดำเนินคดีกับ 2 พิธีกรกรณีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ “นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” โดยออกอากาศเผยแพร่ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ช่วงที่ 4 ของรายการ และยังมีการเผยแพร่รายการผ่านทางช่องทางแอพพลิเคชั่นยูทูป เนื้อข่าวกล่าวหาว่า “ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร นำกลุ่มทุนไทย กลุ่มทุนจีน เข้าไปเทคโอเวอร์ บริษัท สหมงคลประกันภัย” ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ความจริง ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร และบริษัท รชฏ กรุ๊ป จำกัด ได้ซื้อกิจการและหุ้นทั้งหมดของบริษัท สหมงคล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มาจากผู้ถือหุ้นเดิมเรียบร้อยแล้ว ถึงจะทำการขายหุ้นให้นางสาวหลู หวินเฉิน สัญชาติจีน ต่อมานางสาวหลู หวินเฉิน เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าซื้อขายหุ้นและทำผิดระเบียบข้อบังคับ บริษัท สหมงคล ประกันภัย และนางสาวหลู กับพวกจึงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของบริษัท สหมงคลประกันภัย อีกต่อไป นอกจากนี้ พิธีกรทั้ง 2 คน ได้นำเสนอข่าว โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง จึงทำให้ ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร และนายธนากร ภัทรกองเกตุ ได้รับความเสียหาย ปัจจุบัน บริษัท สหมงคลประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีทรัพย์สินรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท และดำเนินธุรกิจประกันภัยมายาวนานกว่า 70 ปี จากการนำเสนอข่าวของพิธีกร ที่นำเสนอข่าวแต่เพียงด้านเดียว อีกทั้งยังชี้นำและนำความคิดเห็นส่วนตัวและอารมณ์ส่วนตัวเข้าร่วมในการเสนอข่าว กล่าวหา ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร และนายธนากร ภัทรกองเกตุ ให้ได้รับความเสียหาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และยังส่งผลสะท้อนให้ผู้เอาประกันภัยขาดความเชื่อมั่นในบริษัท อันเป็นการหมิ่นประมาณโดยการโฆษณาและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์”