หมายเหตุ : “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ” โหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ณ วิหารหลังใหม่ สำนักสุขิโต จ.เชียงใหม่ โดยโหรวารินทร์ ได้เปิดถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่กำลังคุกรุ่น จากความขัดแย้ง รวมทั้งยังได้ระบุถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดัน จะฝ่าฟันไปได้หรือไม่ อย่างไร สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ มีคำตอบ มองสถานการณ์ในบ้านเมืองเวลานี้ เป็นอย่างไรบ้าง สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ในการเปลี่ยนยุค ผ่องถ่ายเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นปกติ ตนเห็นว่าปกติที่เกิดขึ้น แต่ที่ร้ายแรงหรือรุนแรงต่างๆเกิดจากกลุ่มที่เราเรียกว่า “มารของแผ่นดิน” ที่อยู่เบื้องหลัง น่าสงสารและน่าเป็นห่วงในเรื่องของ “เยาวชน” ของเรา ที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มต่างๆ รวมทั้ง “นักการเมืองบางกลุ่ม” ที่ให้การสนับสนุนอย่างลับๆ อยู่ ดูแล้วตามที่ได้บอกมาเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ที่บอกว่าปีนี้สิ่งเลวร้ายต่างๆเกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นเรื่องเภทภัย ความเคลื่อนไหว ตลอดจนภัยธรรมชาติต่างๆ จะเกิดขึ้นในระยะต้นปีจะผ่อนคลายไปแล้วหลังจากนั้นจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งคือในช่วงเวลานี้ หลังจากนั้นปลายปีทุกอย่างจะค่อยๆคลี่คลาย รวมทั้งโรคระบาดที่เรากำลังผจญอยู่ในขณะนี้ เรียกว่า “ต้นร้ายปลายดี” “หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องขององค์กรต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของผู้คน ที่จะกลับมาทำหน้าที่ให้กับบ้านเมือง เราเรียกว่า ยุคศิวิไลซ์ อีกช่วงระยะหนึ่ง 3-6 เดือนจากนี้ไป พอหลังจากผ่านพ้นปีนี้ไปแล้ว ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง” อย่างที่ได้กล่าวว่ามาหลังจากที่มาถึงจุดๆหนึ่งที่ไม่สามารถก้าวไปแล้ว จะต้องมารวมกัน เราสังเกตดูคนไทยเมื่อมีเภทภัยอะไรมา ทุกคนจะร่วมมือร่วมใจ จับมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างเช่นโรคภัยไข้เจ็บ ที่ผ่านมา ประเทศไทย เป็นประเทศแรก ที่สามารถควบคุมไวรัสโควิดได้ สามารถประคับประคองกันดีแล้ว แต่กรรมของแผ่นดินยังไม่หมด หลังจากควบคุมทุกอย่างดีเยี่ยมแล้ว นี้เป็นผลงานที่ดีของประชาชนชาวไทยของเรา และรัฐบาลพร้อมคณะทีมแพทย์ ต่างๆ ที่เราเรียกว่า “นักรบเสื้อกาวน์” เราต้องให้เครดิต ที่เข้ามาร่วมกันป้องกันปรามโรคต่างๆ ทำให้หายไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะคลี่คลายไม่เกินเดือน พ.ค.ทุกอย่างก็คลี่คลาย แต่พอคลี่คลายเสร็จ กรรมในเรื่องของคนเข้ามาทันที แต่กรรมในเรื่องของคนที่ก่อเกิดขึ้น จะเกิดแบบ “ไฟไหม้ฟาง” จะขึ้นวูบนั้น วูบนี้ แล้วเดี๋ยวก็สลายไปเองตามธรรมชาติ “แต่ที่เป็นห่วงคือภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น ในเรื่องของอุทกภัยเป็นลำดับแรก ผมเป็นห่วง เราสังเกตดู ที่ในปีนี้ บอกว่าน้ำจะน้อย มันจะไม่น้อยนะ คอยดูต่อไปผมเป็นห่วงภาคกลาง ถึงภาคใต้ อีสานโดนไปหนักแล้ว โคราชเราก็เห็นอยู่ ที่ผมกล่าวตั้งแต่ต้นปี ภัยตรงนี้ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง แต่ขณะเดียวกัน พอเกิดขึ้นมา การเคลื่อนไหวจะสงบไปเอง ทุกคนต้องหันหน้ามาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็ต้องมาจับมือกัน พาชาติบ้านเมืองเคลื่อนไปข้างหน้าคล้ายๆรัฐบาลแห่งชาติ แต่ไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาตินะ ฝ่ายค้านก็ต้องมีอยู่ แต่คนส่วนใหญ่จะต้องมาร่วมกัน” ในภาพปัจจุบันทุกคนอาจจะเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแต่ละฝ่ายต่างก็ตีกันไปตีกันมา แต่ที่สุดเมื่อมีภัยมา คนไทยจะกลับมาจับมือกัน เป็นเหมือนสัญชาตญาณ ความรักชาติ รักแผ่นดิน รวมทั้งสถาบัน ปัจจุบันกลุ่มต่างๆเริ่มทนไม่ไหวกับสภาพที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ในแผ่นดินของเรา ภาพที่ออกมาไม่มีอะไรที่หนักหนายิ่งไปกว่าปัจจุบัน โดยเฉพาะกับสถาบันที่รักของเรา เราผิดพลาดไปตั้งสมัยปี 2544 จากนั้นการที่กระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของหลักสูตรศีลธรรมจริยธรรม และประวัติศาสตร์ของชาติไทย มีการบิดเบือนเอาเรื่องวิชาการ ที่ไม่ใช่ของไทยมาผสม ผู้นำในขณะนั้นก็ไม่มีการโต้แย้ง นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ ไม่สามารถก้าวเข้ามาขัดขวางได้ เป็นอำนาจของกลุ่มๆหนึ่ง สืบรู้ตอนหลัง ที่หลวงปู่เกวารัณ กลุ่มต่างๆเหล่านี้คืออริราชศัตรู กลับมาเกิดเพื่อทำลายประเทศ สิ่งเหล่านั้นจะยาวนานถึง ปี 63 เข้าปี 64 หลังจากนั้นจะเริ่มคลี่คลาย หลังจากนั้นทุกอย่างจะคลี่คลาย ทุกอย่างสถาบันหลักชาติ ศาสน์ กษัตริย์จะกลับมาเหมือนเดิม จะมีการก้าวไปสู่ยุคศิวิไลซ์ “ขณะนี้ ถึงเวลาทรัพย์ในดิน สินในน้ำ จะปรากฎ ซึ่งจะเป็นตัวช่วย ในเรื่องของภาวะความเป็นอยู่ ช่วยภาวะเศรษฐกิจของชาติบ้านเมืองของเรา จะค่อยๆดีขึ้น ความเป็นอยู่ดีขึ้น รัฐบาลจะสามารถประคับประคองไปได้ อีกช่วงระยะหนึ่ง ถึงเวลานั้นจะมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ แต่คนทำหน้าที่ปัจจุบันยังคงอยู่ อย่างที่ผมบอกว่า เราไม่ต้องไปขับไล่ท่านหรอก เมื่อถึงเวลาท่านก็จะลงของท่านเอง แต่ช่วงนี้เป็นหน้าที่ของท่าน ไล่อย่างไร ก็ทำไม่ได้ แต่กลุ่มที่ทำเป็นมารของแผ่นดิน ทำให้ยุ่งเหยิง ต่างชาติเองก็ยังสอดมือเข้ามา ไม่เฉพาะประเทศไทย แต่ไปทุกประเทศ” สถานการ์จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปลายปีที่แล้ว จะมีที่รุนแรง ที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว ห้วงก่อนปฏิวัติปี 57 แต่มันเกิดมานี้ ยุคปัจจุบันเป็นประชาธิปไตย ที่เหมือนทุกคนอยู่เหนือกฎหมาย จะก่อให้เกิดตรงนั้นตรงนี้ กลุ่มที่ขึ้นมา เหมือนเป็นช่วง หลังจากนั้นก็จะจบไป มันจะไม่มีอะไรรุนแรงแล้ว ผมก็ได้บอกว่าได้ให้คำชี้แนะไป ทุกอย่างที่เกิดตรงนี้ มันเกิดจากนักการเมืองบางกลุ่ม แสวงหาที่ตนเองไม่ได้สมดังปรารถนา พยายามสร้างกรรมให้กับชาติบ้านเมือง ใช้เด็กเยาวชนต่างๆมาเป็นเครื่องมือ เด็กบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำ ออกมาเพื่ออะไร จะคลี่คลายไปในทางที่ดีหรือไม่ ใช่ครับ อีก 3-6 เดือน ทุกอย่างก่อเกิดขึ้นมา มีจุดสิ้นสุด พอขึ้นมาถึงระดับที่สุดแล้วก็จบไป เพราะก่อขึ้นจากผู้คนที่สร้างขึ้น ไม่ได้เป็นธรรมชาติ พอได้ดั่งใจทุกอย่างก็มีกองกำลังสนับสนุน คิดว่าไม่ได้ ผลมันก็จบไป เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น หลายๆส่วนรวมกัน รวมทั้งกรรมของบ้านเมืองที่กำลังจะผ่านพ้น เรากำลังจะเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ คอยดู แม้กระทั่งพระอริยเจ้าหลายพระองค์ในอดีตที่กล่าวไว้ว่า ยุครัชกาลที่ 10 จะมีความเจริญก้าวหน้า บ้านเมืองเราจะเป็นมหาอำนาจ แห่งความดี ความรุ่งเรือง ความมั่งคั่งจะปรากฎขึ้นมา ทรัพยากร น้ำ น้ำมัน จะมาอยู่ในบ้านเมืองของเรา เมื่อผ่านพ้นเหตุการณ์ตรงนี้ แล้วทุกอย่างจะปรากฏขึ้นมา เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทุกอย่างจะมีการปรับเปลี่ยน ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจากหนักสุดแล้ว ในห้วงเวลานี้จะค่อยๆคลี่คลายไป ไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติ กลุ่มบางกลุ่มที่คอยต่อต้าน หลังจากมาดูแล้วว่าไม่ได้ผล ก็อาจจะมีการเจรจา เหมือนมาร่วมมือจับมือกันเดินไปด้วยกัน แต่ยังมีฝ่ายค้าน แต่ไม่ใช่ แต่ฝ่ายค้านแค่หยิบมือ นอกนั้นจะจับมือเดินต่อไป เพราะถ้าดูทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติมาหมดแล้ว จะให้คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปแก้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ยากที่จะแก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ให้ทำหน้าที่ไปก่อน เมื่อมีรัฐบาลใหม่จะต้องค่อยว่ากัน แต่ถึงอย่างไรจะต้องมีการผ่านประชามติ พอถึงเวลาก็ต้องกลับไปทำประชามติ หลังจากที่จับมือกันแก้ไขปัญหาแล้วนายกฯยังเป็นคนเดิมหรือไม่ หน้าที่ของท่านยังไม่จบ เท่าที่ดูท่านเป็นคนที่มีความเหมาะสม ยังไม่มีคนอื่น ดวงของนายกฯยังสู้ไหวไหม หน้าที่ของท่าน 2 สมัย หลังจากเลือกตั้ง ครั้งนี้เป็นสมัยแรก และเมื่อมีการเลือกตั้งอีก จะอยู่อีกสมัยหนึ่งระยะหนึ่ง ช่วงหนึ่ง ส่วนจะอยู่นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับเมื่อช่วงเวลานั้น อุดมสมบูรณ์แล้ว คนก็จะไม่ทะเลาะกันแล้ว เรื่องสถาบัน จะมีประเทศเราประเทศเดียวที่อยู่เคียงคู่กับชาติบ้านเมืองตลอดไป 3 สถาบันหลักยังคงอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 จะมีไหม จะกลับมาอีก แต่ไม่มาก