เหลือเวลาอีกเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็จะรู้หมู่ รู้จ่า กันแล้วว่า ใครจะได้เข้าสู่ “ทำเนียบขาว” ในฐานะ ประธานาธิบดีลำดับที่ 46 ของถิ่นลุงแซม แดนสหรัฐฯ ว่าจะเป็น “ประธานาธิบดีคนหน้าเดิม” คือ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรครีพับลิกัน หรือว่าจะเป็น “ประธานาธิบดีคนหน้าใหม่” คือ “อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน สมัยบารัก โอบามา ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครต โดยวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน ที่จะนี้ หรืออีก 7 วัน โลกทั้งใบก็จะได้รับรู้ผลการเลือกตั้งกัน อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะออกมาข้างต้น ก็มีสัญญาณ ส่อเค้าว่า อาจจะมีเรื่องวุ่นๆ บนดินแดนถิ่นมะกัน แบบฉับพลันทันทีที่ประกาศผลเลือกตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ แถมมิหนำซ้ำ ไม่ว่าผลการเลือกตั้ง จะออกมาว่า ฝั่งไหน ฝ่ายใด เป็นผู้ชนะอีกต่างหากด้วย คือ จะมีเรื่องวุ่นๆ แบบทั้งขึ้น ทั้งล่อง ไม่ว่าจะเป็นทางประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ หรือรองประธานาธิบดีไบเดนเป็นฝ่ายมีชัยกันก็ตาม เมื่อผลการสำรวจความคิดเห็น หรือโพลล์ ชาวอเมริกัน โดยเหล่าสำนักโพลล์ชื่อดัง ล้วนออกมาแสดงทรรศนะแจ้งเตือนแบบฟันธงตรงกันเป็นเสียงเดียว ภายหลังจากได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่เพิ่งผ่านพ้นมา ผลการสำรวจโพลล์ ปรากฏว่า ร้อยละ 43 ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรองประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง หากประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นฝ่ายมีชัย ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศอีกสมัย เช่นเดียวกับ ทางฟากกลุ่มตัวอย่างที่สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ จำนวนร้อยละ 41 ก็ตอบแบบสอบถามว่า จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ปรากฏว่า รองประธานาธิบดีไบเดนเป็นฝ่ายชนะ เรียกว่า ผลโพลล์ที่ปรากฎออกมา ไล่เลี่ยใกล้เคียงกันเลยทีเดียว ที่แต่ละฝ่ายจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง หากฝ่ายผู้สมัครฯ ที่พวกเขาสนับสนุน พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เมื่อสอบถามลงไปในรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่างที่ต่างเป็นกองเชียร์ของแต่ละฝ่าย ก็ยังได้ผลการสำรวจความคิดเห็น ออกมาอีกว่า จำนวนร้อยละ 22 ของกลุ่มตัวอย่างกองเชียร์รองประธานาธิบดีไบเดน ตอบว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ จนได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย ก็จะชวนกันไปรวมตัวชุมนุมประท้วงต่อผลการเลือกตั้งข้างต้นบนท้องถนน แถมมิหนำซ้ำ ดีไม่ดี สำหรับกลุ่มตัวอย่างกองเชียร์รองประธานาธิบดีไบเดนกลุ่มนี้ ก็อาจมีการก่อเหตุวุ่นวาย ไปจนถึงเหตุรุนแรง ระหว่างการชุมนุประท้วงผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็เป็นได้ ขณะเดียวกัน ในส่วนของฟากฝั่งกองเชียร์ประธานาธิบดีทรัมป์ จำนวนร้อยละ 16 ก็ตอบว่า ว่าจะดำเนินการชุมนุมประท้วง แบบม็อบลงถนนข้างต้น และอาจจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นด้วย หากรองประธานาธิบดีไบเดน เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งดังกล่าว ทั้งนี้ ผลโพลล์ที่ออกมา ถึงแม้ว่า จะมีตัวเลขน้อยนิด คือ ราวๆ กว่า 1 – 2 ใน 10 ที่จะกระทำการอย่างนั้น แต่ทว่า ก็จะสร้างความวุ่นวายให้บังเกิดขึ้นให้แก่สังคมชาวอเมริกันได้เลยทีเดียว ใช่แต่เท่านั้น ผลการสำรวจความคิดเห็นที่ปรากฏว่า ก็กลายเป็นแรงกดดันต่อทางการที่จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มิใช่น้อย แบบเป็น “เผือกร้อน” ในมือของพวกเขา ว่า จะจัดการเลือกตั้งกันอย่างไร เพื่อให้ได้ผลการเลือกตั้งออกมาแบบสร้างความเชื่อมั่น เชื่อถือได้ในความบริสุทธิ์ ยุติธรรมต่อทุกฝ่าย เรียกว่า ถือเป็นความท้าทาย และเป็นปัญหาโจทย์ใหญ่ของทางการที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งกันเลยทีเดียวก็ว่าได้ ไม่นับเรื่องความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่จะมีต่อผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ภายหลังจากฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ เช่น หน่วยสืบสวนสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ เป็นต้น ออกมาเตือนว่า ทั้งรัสเซียและอิหร่าน พยายามที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการลักลอบเจาะ หรือแฮกระบบข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบลงคะแนนทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งแฮ็กเกอร์ของรัสเซียและอิหร่าน ต่างจ้องตาเป็นมัน กล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ กับรองประธานาธิบดีไบเดน ล่าสุด ทางเรียบเคลียร์โพลิทิกส์ เปิดเผยว่า รองประธานาธิบดีไบเดน มีคะแนนนิยมเฉลี่ยที่ร้อยละ 50.8 เหนือกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ที่มีคะแนนนิยมเฉลี่ยที่ร้อยละ 42.8