เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภาวิสามัญเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ต่อมา น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม คือคู่กรณีกับผู้ชุมนุมโดยตรง แต่ญัตติที่พล.อ.ประยุทธ์เสนอต่อรัฐสภานั้นกลับเต็มไปด้วยถ้อยคำที่กล่าวหาผู้ชุมนุม ไม่ได้เอ่ยถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ญัตติของรัฐบาลจึงไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหาประเทศร่วมกัน ทั้งนี้ การจะตั้งกรรมการขึ้นมาอีกนั้นไม่ใช่ทางออกของประเทศ ถึงเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลิกหลบอยู่หลังคนอื่น ต้องยืดอกออกมารับผิดชอบด้วยตัวเอง น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังสงสัยว่าทำผิดอะไรถึงต้องลาออกนั้น เพราะ1.พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นักบริหาร แต่คือนักรัฐประหาร 2.พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นักปรองดอง แต่เป็นนักไล่ล่า จับกุมคุมขังแกนนำไม่หยุดหย่อน แล้วยังกล้าบอกให้ประชาชนถอยคนละก้าว และ3.พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นักปฏิรูป แต่เป็นนักปฏิเสธการปฏิรูป เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่มีการปฏิรูปประเทศใดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ การที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จ 3 วาระรวดภายในเดือนธ.ค.นั้น ตนไม่เชื่อ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำจริงสักอย่าง การกระทำกับคำพูดสวนทาขงกันมาตลอด อย่างไรก็ตาม การรับฟังครั้งนี้เหมือนจงใจเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น สุ่มเสี่ยงว่าจะมีการสลายการชุมนุมอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้น ขอถามนายกฯ ว่า จะมีนโยบายใช้อาวุธปราบปรามนักเรียน นิสิต นักศึกษาหรือไม่ ขอให้ยืนยันไว้ที่นี่เพื่อเป็นสัญญาประชาคม วันนี้นายกฯ เรียกร้องให้คนทั้งประเทศเสียสละเพื่อท่านเพียงคนเดียวไม่ได้ แต่ท่านควรเสียสละลาออกเพื่อให้กระบวนการแก้ปัญหาจะได้เดินหน้าได้ทันที เพราะความมั่นคงของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ความมั่นคงของคนทั้งประเทศ