ถือว่าเป็นโรคระบาดที่สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทุกภาคส่วนบนโลกเรา อย่างสุดประมาณการเลยทีเดียว สำหรับ ไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่กำลังแพร่ระบาดเขย่าโลกเราจนสะเทือนเลื่อนลั่น ณ ชั่วโมงนี้ โดยประชาคมโลกกว่า 40 ล้านคน ที่ตกเป็นเหยื่อติดเชื้อจนเจ็บไข้ได้ป่วย ในจำนวนนี้กว่า 1.1 ล้านคน ต้องถูกโควิดฯ ปลิดชีพ ใช่แต่เท่านั้น ไวรัสโควิด-19 ยังเขย่าภาคส่วนอื่นๆ ให้สั่นสะท้าน โดยบางส่วนถึงขั้นภินท์พัง นอกเหนือจากการถล่มโจมตีด้านสาธารณสุขโลกจนพังพาบ เพราะไม่สามารถหยุดยั้งการอาละวาดของโรคร้ายไม่ให้แพร่ระบาดออกไปได้ ทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ และผู้ป่วยที่เสียชีวิต จำนวนยังพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าสถานการณ์จะ ยุติลงเมื่อใด ภาคส่วนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็มีทั้งระบบเศรษฐกิจ ที่กระทบกระเทือนกันไปทั่ว จากการที่ธุรกิจ กิจการต่างๆ ต้องปิดไป ทั้งในแบบชั่วคราว ลามเลยไปจนถึงปิดตายถาวร ก่อนส่งผลให้สั่นสะเทือนต่อการจ้างงานต่างๆ รวมถึงรายได้ รายรับ ของผู้คน ตามมา โดยมีรายงานจากสถาบัน องค์การระหว่างประเทศ ต่างๆ ในเชิงส่งซิกสะกิดเตือนออกมาเป็นระยะ โดยท่วงทำนองก็เป็นไปในทิศทางว่า กลุ่มคนในประเทศด้อยพัฒนาและยากจน เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะยิ่งยากจนกันต่อไปในลักษณะเพิ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น รวมไปถึงชนชั้นกลาง จากบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ที่อาจพลัดตกไปสู่สถานภาพคนยากจนได้ไปในพริบตา ยกตัวอย่าง การรายงานของธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ที่ออกมาประเมินเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ว่า โควิดฯ อาจพ่นพิษทำให้ประชากรโลกจำนวนอย่างน้อย 150 ล้านคน สู่สถานภาพเป็นคนยากจนกันเลยทีเดียวก็ว่าได้ เป็นต้น นอกจากประเด็นข้างต้นแล้ว บรรดาองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เช่น สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เป็นอาทิ ก็ออกมาส่งเสียงเพรียกเตือนว่า ในขณะที่นานาประเทศกำลังสาละวนกับการแพร่ระบาดของโรคโควิดฯ จนหัวหมุนชุลมุนอยู่นั้น ก็กลับกลายเป็นโอกาสให้ขบวนการอาชญากรรมทั้งหลาย ฉวยจังหวะเพิ่มดีกรีในปฏิบัติการอันเลวร้าย พร้อมตัวอย่างที่สหประชาชาติ หยิบยกเป็นประเด็นมา นั่นคือ “ขบวนการค้ามนุษย์” โดยหน่วยงานด้านที่ดูแลปัญหาการค้ามนุษย์แห่งสหประชาชาติ ระบุไว้ในรายงานก่อนเผยแพร่เนื่องใน “วันต่อต้านการค้าทาส” เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รายงานของยูเอ็น ได้แจงเตือนว่า บรรดาขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ กำลังฉวยโอกาสการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ ออกอาละวาดอย่างขนานใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมคาดการณ์ว่า อาจมีผู้ตกเป็นเหยื่อต่อขบวนการวายร้ายเหล่านี้มากกว่า 25 ล้านคน ส่วนกลุ่มคนที่ตกเป็นเป้าหมาย ที่เหล่าขบวนการร้ายหมายตาไว้นั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นแรงงานข้ามชาติ ที่กำลังเผชิญกับภาวะตกงาน ไม่มีงานทำ หรือถูกเลิกจ้างอย่างกระทันหัน ฉับพลันทันด่วน รวมไปถึงบรรดาเยาวชนที่ไม่ได้ไปโรงเรียน อันสืบเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ที่ต้องการทำงาน ก็สุ่มเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ กลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบการจ้างงานแบบไม่เป็นทางการ ในรายงานของยูเอ็น ก็ระบุว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติจนน่าเป็นห่วยด้วยเช่นกัน ซึ่งในคนกลุ่มนี้ ตามการประเมินก็เปิดเผยว่า น่าจะมีมากถึง 2,500 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของกำลังแรงงานประเภทอื่นๆ ทั้งหมดทั่วโลก เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติแล้ว ก็ประสบชะตากรรมเป็นประการต่างๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการค้าแรงงานที่ไม่เป็นธรรม เช่น ถูกบังคับ กดขี่ สภาพการทำงานที่เลวร้าย ให้ทำงานหนัก แต่ได้ค่าแรงต่ำ รวมไปจนถึงการค้าทางเพศ ซึ่งในส่วนนี้ มักจะเป็นเหยื่อที่เป็นเด็ก และหรือสตรี รายงานของยูเอ็น ยังแสดวิตกกังวลว่า นอกจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อรายใหม่ของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติแล้ว ก็ยังมีประเด็นเรื่องแรงงานข้ามชาติที่เป็นเหยื่อรายเก่าครั้งก่อนหน้าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ก็มีจำนวนราว 164 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วง เพราะยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนาบ้านเกิดของตัวเอง และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ อันเป็นผลจากการปิดพรมแดน และทางการแต่ละประเทศ ยังคงวุ่นอยู่กับการจัดการรับมือโรคโควิดฯ ที่กำลังแพร่ระบาด จนแทบจะลืมกลุ่มคนเหล่านี้เสียสนิท