นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมพร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่จ. นครราชสีมาเพื่อติดตามการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้นายกฯและคณะได้เดินทางมายังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า ที่อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา โดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมว่า ยังคงมี 9 อำเภอที่ยังได้รับผลกระทบ ได้แก่ อ.ปากช่อง อ. โชคชัย อ. สูงเนิน อ. เนินสูง อ. เมือง อ. พิมาย อ. ขามทะเลสอ อ. เสิงสาง อ. ปักธงชัย ซึ่งจังหวัดได้ร่วมกับองค์กรส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน สมาคม มูลนิธิให้ความช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา โอกาสนี้นายกฯ กล่าวว่า ตนติดตามรายงานทุกวันและทราบดีว่าทุกคนทำงานอย่างหนัก จึงตั้งใจมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งมหาดไทย กรมชลประทาน คมนาคมและหน่วยงาน ทราบว่าจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมและคลี่คลายแล้วเหลือเพียง 11 จังหวัดจาก 28 จังหวัดสาเหตุมาจากอิทธิพลพายุดีเพรสชั่น รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนที่ประสบภัย นายกฯ ยังกล่าวถึงการถอดบทเรียนการทำงานว่า แม้วันนี้อ่างเก็บน้ำจะมีน้ำมากขึ้น แต่จำเป็นต้องมีการพร่องน้ำในบางแห่งที่มีปริมาณมาก ซึ่งการระบายน้ำ การพร่องน้ำจะต้องไม่กระทบต่อพี่น้องประชาชนหรือสถานที่สำคัญ อาทิ ชุมชน หมู่บ้าน โรงพยาบาล พร้อมเสนอแนะให้พื้นที่หาทุ่งรับน้ำ เช่นเดียวกับที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งในหลวงรัชการที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยและรับสั่งว่า เราบังคับธรรมชาติไม่ได้แต่ต้องอยู่กับน้ำให้ได้ ทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วม รัฐบาลจึงมีนโยบายสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดเล็กกระจายไปยังพื้นที่ที่เหมาะสมเช่นเดียวกับเบ้าขนมครก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง รวมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งการสำรวจเส้นทางระบายน้ำ ดูแลการจราจรไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรของประชาชน การแจกจ่ายเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับประชาชน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์เพื่อการสื่อสารให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ได้ เช่น เครือข่ายวิทยุ นายกฯ ยังย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ในการเตรียมความพร้อมรองรับภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งความปลอดภัยจากน้ำ จากไฟ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อจัดสรรงบประมาณในการเยียวยา ช่วยเหลือประชนและฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคได้ทันที