นายสันติ กีระนันทน์ อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เพจเฟซบุ๊ก ระบุ ว่า จากยุค ICQ ผ่าน Pirch98 เรื่อยมา MSN, whatsapp, line จนถึง Telegram ผมเกิดมาในยุคที่ยากลำบากพอสมควรในการสื่อสาร โดยตั้งแต่เด็กนั้น นอกเหนือจากโทรศัพท์ที่เป็น land line ซึ่งมีราคาแพงมากในการติดตั้ง และคิวยาวเหยียดกว่าจะสามารถขอให้มีการติดตั้งที่บ้านได้ และหากต้องการติดต่อทางไกลนั้น จำเป็นต้องมีการโทรหา operator เพื่อให้ต่อไปยังปลายสายทางไกลทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศด้วยราคาแพง จนภายหลังการโทรทางไกลนั้น ผู้ใช้อาจจะสามารถติดต่อได้เอง แต่ก็ยังเป็นไปด้วยต้นทุนที่แพงอีกเช่นกัน ดังนั้น การติดต่อทางไกลจึงนิยมใช้โทรเลข ซึ่งใช้เพียงข้อความสั้น ๆ (short message) โดยใช้ moss signal เป็นรหัสสื่อกลางในการส่งข้อความ การอ้างอิงถึงเรื่องราวในอดีตนั้น ก็คงเป็นไปตามพฤติกรรมปรกติของผู้สูงอายุที่อยากจะแบ่งปันสิ่งที่เคยพบเห็นด้วยตัวเองมาให้คนที่ไม่เคยทราบได้รับทราบ และเป็นเรื่องที่ผมเองได้พบเห็นด้วยตัวเอง ไม่ใช่มาจากการบอกเล่าจากคนรุ่นก่อน ซึ่งน่าจะมีน้ำหนักเพียงพอที่ทำให้ประสบการณ์เหล่านั้น ปราศจากความสงสัยในจิตใจของตนเองมาจนถึงเวลานี้ที่เข้าสู่วัยใกล้เกษียณ หากจะมีคำถามว่า ทำไมเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ในขณะที่ผมอยู่ที่ KL เมื่อรับทราบข่าวร้ายจากเมืองไทยในช่วงบ่าย ผมถึงเข่าอ่อนและร้องไห้ทั้งคืน ก็เพราะผมเองได้มีประสบการณ์ตรงจากการรับรู้ที่ไม่ได้เกิดจากการบอกเล่าของใครถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ผมได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง และได้รับประโยชน์จากโครงการที่พระองค์ได้ดำเนินการด้วยพระองค์เอง รวมทั้งที่พระองค์ได้มีพระราชดำริให้หน่วยงานของรัฐพัฒนา เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งประเทศให้ดีขึ้น ความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี จึงฝังในสมองของผมด้วยสิ่งที่ผมเห็นด้วยสายตาของตัวเอง และได้รับประโยชน์ด้วยตนเอง นอกจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แล้ว พระราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ ก็มีพระราชกรณียกิจหลากหลายที่สืบสานให้ "งาน" ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ดำเนินต่อไป รวมทั้งมีการต่อยอดเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยและบริบทที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลาของสังคมไทยที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ การรับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคปัจจุบัน จึงไม่ได้เป็นการรับรู้ที่เกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) ของใคร แต่เป็นสิ่งที่ชาวไทยที่เกิดทันในยุคสมัยของพระองค์ หรือกล่าวอีกอย่างคือ ตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ยังมีพระวรกายที่แข็งแรง ทรงงานอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด และแทบจะไม่เคยได้รับรู้ว่า พระองค์ได้ประทับอยู่ในพระราชวังของพระองค์เอง แต่ทรงใช้เวลาเกือบทั้งหมดของพระองค์อยู่กับถิ่นทุรกันดารเพื่อยกระดับของบ้านเมืองเหล่านั้นให้พ้นจากความยากแค้น พระราชกรณียกิจของพระองค์นั้น ไม่ได้ถูกรับรู้ในวงแคบเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั่วทั้งโลกก็ได้รับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อคนไทย หลายครั้งที่เดินทางต่างประเทศ ก็ยังได้รับทราบถึงการรับรู้เหล่านั้นจากคนต่างชาติ ซึ่งเป็นไปอย่างชื่นชม แม้วันที่ 14 ตุลาคม 2559 ที่ผมยังอยู่ที่ KL เพื่อทำงานในหน้าที่ด้วยสภาพที่ตัวเองแทบจะยืนไม่ได้เพราะความเศร้าโศกเสียใจ เพื่อนชาวต่างชาติจากหลายชาติ ก็ยังแสดงความเห็นใจและเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้ตกอยู่ในสภาพที่เศร้าโศกเสียใจขนาดนั้น รวมถึงการที่พวกเขาทั้งหมดในที่ประชุมได้ร่วมกันให้เกียรติยืนไว้อาลัยเพราะเขารับรู้ว่า ประเทศไทยในตอนนั้นได้สูญเสียยิ่งใหญ่อย่างที่พสกนิกรทั้งประเทศร้องไห้กันทั่วทุกหัวระแหง ... ภาพจำเหล่านั้น น่าจะอธิบายได้ดีว่า ทำไมคนไทยที่เกิดทันยุคของพระองค์ เกิดทันที่จะรับรู้รับเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์จึงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีอย่างเต็มหัวใจ หลังจากนั้นมา มีข่าวและเรื่องราวมากมายที่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยข้อความและเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ซึ่งต้องยอมรับว่า สำหรับคนที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยมีประสบการณ์ตรง ไม่เคยรับรู้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีได้สร้างคุณประโยชน์อย่างไรกับแผ่นดินนี้ ... ย่อมจะต้องเกิดความหวั่นไหว ย่อมจะมีโอกาสที่จะหลงเชื่อไปกับเรื่องราวที่จงใจปลุกปั่นให้หัวใจแห่งความจงรักภักดีสั่นคลอนลงไป ผมไม่โทษคนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างที่ผมมี แล้วไม่รู้สึกจงรักภักดีแต่อย่างใด เพียงแต่เสียดายโอกาสแทนท่านที่ท่านมีโอกาสทำความเข้าใจด้วยการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน แต่ท่านไม่ได้ใช้โอกาสนั้นเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างรอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป ... ผมเสียดายที่ท่านแสดงออกด้วยความหยาบคาย เถื่อน และเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่แสดงถึงวุฒิภาวะที่เหมาะสม โดยเฉพาะไม่เป็นวุฒิภาวะที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในอนาคต อันเป็นเป้าหมายที่ทุกคนหมายปอง รวมทั้งตัวผมเอง ก็มีความปรารถนาที่จะเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังของคนทุกคนในชาติจะสามารถร่วมกันสร้างได้ ย้ำอีกครั้งครับว่า การเอาแต่ใจตัวเอง การไม่ฟังซึ่งกันและกัน การไม่เปิดใจวิเคราะห์ไตร่ตรองข้อมูลให้รอบด้าน หากเกิดความสงสัยขึ้นในจิตใจและเปิดตัวเองค้นคว้า ศึกษาให้เห็นข้อมูลด้านอื่นบ้าง ด้วยสติปัญญาที่ทุกคนมีติดตัว ก็คงจะเห็นทางออกร่วมกันว่า จะร่วมกันพัฒนาประเทศไทยให้ดีขึ้นได้อย่างไร ... ความสงสัยที่ว่านั้น เริ่มต้นต้องลองคิดดูบ้างว่า ทำไมเพื่อน ๆ ในต่างประเทศหลายคนหลายประเทศ เขาถึงอิจฉาความเป็นคนไทยที่อยู่ในประเทศไทย ประเทศเล็ก ๆ ที่อดีตตอนที่ผมยังเด็กไม่มีใครรู้จัก เมื่อแนะนำตัวเองว่ามาจาก Thailand หลายคนยังถามย้ำว่า Taiwan ??? แต่เดี๋ยวนี้ ทุกคนรู้จักและอิจฉาประเทศไทยและคนไทย ที่ตัดสินใจเขียนขึ้นวันนี้ ก็กังวลใจเล็ก ๆ เหมือนกันว่าจะ "เรียกแขก" ทำให้เกิด "ทัวร์ลง" หรือเปล่า แต่ก็อยากจะบันทึกความในใจไว้ว่า คนที่มีอายุมากใกล้เกษียณคนหนึ่ง ไม่ได้หลงเชื่ออะไรจากคำบอกเล่าของคนอื่น แต่ได้เห็น ได้ประสบการณ์จากตัวเองครับ
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเฟซบุ๊ก สันติ กีระนันทน์