นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Taya Teepsuwan ระบุว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?? จุดที่...พ่อแม่พูดกับลูกคนละภาษา มองกันคนละมุม คุยกันไม่รู้เรื่อง เกิดความแตกแยกในครอบครัว จุดที่...พ่อแม่ที่รักและเทิดทูนสถาบัน ต้องน้ำตาตกใน เมื่อเห็นลูกเดินออกจากบ้านไปชุมนุมต่อต้านสถาบัน จุดที่...เพื่อนต้องเลิกคบกัน unfriend กัน เพราะความคิดที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว จุดที่...คนเห็นต่าง โดน bully โดนทัวร์ลง โดนแบน โดนปลด จุดที่...เยาวชนที่มีการศึกษา เป็นอนาคตของชาติ นั่งฟังคนที่เรียนไม่จบ ไม่มีงานทำ ไม่เคยประสบความสำเร็จในชีวิตปลุกระดมและใส่ชุดความคิดผิดๆให้ จุดที่...ผู้ชุมนุมออกมาตะโกนด่าพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย จุดที่...สื่อถูกแบ่งออกเป็น 2 ข้างอย่างชัดเจน จุดที่...Fake news มีสถิติเข้าถึงผู้อ่านได้มากกว่าข่าวจริงถึง 6 เท่า และข่าวเหล่านั้นเกิดจากการปั่นกระแสของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น จุดที่...ทั่วโลกเผชิญปัญหาโควิด-19 อย่างหนัก ในขณะที่ประเทศเราควบคุมได้อย่างดี แต่กลับมีการปลุกระดมให้มีการชุมนุมกันแทบทุกวัน เพิ่มความเสี่ยงการระบาดของโรค และซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ เพียงหวังโค่นล้มรัฐบาลและสถาบัน แล้วถ้าโควิดกลับมาใครรับผิดชอบ?! ลองคิดกันลึกๆซิว่า ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ผู้อยู่เบื้องหลังความขัดแย้ง สร้างรอยร้าว ความแตกแยก และบาดแผลให้กับสถาบันที่เล็กที่สุด คือ ครอบครัว ไปยังสถาบันที่สูงที่สุด คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเค้า ยังเป็นคนไทยอยู่หรือไม่? พวกเค้า คือ คนที่คุณควรเดินตามหรือไม่? พวกเค้า คือ คนที่คุณยอมเสี่ยงอนาคตด้วยหรือไม่? แม้แต่การออกมาเป็น “แกนนำ” อย่างเปิดเผย คนพวกนั้นยังไม่กล้าเลย อย่าให้ “อีแอบ” เหล่านั้น มาทำร้ายประเทศไทย เราเห็นตัวอย่างฮ่องกงมาแล้ว เราจะเป็นแบบนั้นเหรอ? เราคนไทยด้วยกัน หันหน้าพูดคุยกัน ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช้คำหยาบคาย เสพข่าวอย่างมีสติ จะโพสต์ จะแชร์อะไรตรวจสอบที่มาที่ไปให้รอบด้าน แลกเปลี่ยนความคิดกับพ่อแม่ เพื่อนฝูงด้วยใจที่เปิดกว้าง รัฐบาลก็ต้องพร้อมรับฟังปัญหา จากการเรียกร้องอย่างสร้างสรรค์และหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ #รักประเทศไทย #ปกป้องสถาบัน #ทัวร์ลงได้ #ไม่ต้องหยาบคาย ทยา ทีปสุวรรณ 19 ต.ค. 63 https://www.facebook.com/543393422339623/posts/3862594280419504/ ขอขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Taya Teepsuwan