ถึงโยกย้ายไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดหรือเปลี่ยนอุดมการณ์ได้ แต่ต้องแยกบทบาทแยกหมวกใส่ให้ถูกก็ไม่มีปัญหา ด้านปลัดสธ.เตรียมออกหนังสือกำชับบุคลากรทางการแพทย์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แต่ในนามส่วนตัวอย่าอ้างอิงต้นสังกัด แนะแสดงความคิดเห็นด้วยความระมัดระวัง ชี้รพ.ต้องรักษาผู้ป่วยหากมีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ามา ปฏิเสธไม่ได้ถือว่ามีความผิด เมื่อวันที่ 19 ต.ค. กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีแพทย์ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองทำได้หรือไม่ ว่า แพทย์หรือใครก็ตามก็คือประชาชนคนหนึ่ง ดังนั้น การแสดงความเห็นทางการเมืองก็ถือเป็นความเห็นของประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าเป็นแพทย์ที่เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องนึกถึงสภาพของการให้บริการกับผู้ป่วยด้วยอาจมีความคิดต่างกัน จึงต้องแยกแยะให้ได้ด้วย ทั้งนี้โดยส่วนตัวก็สามารถทำได้ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร สำหรับกรณีนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ถูกการเมืองคุกคามกรณีแสดงความเห็นทางการเมือง จนมีกระแสข่าวว่าอาจถูกย้าย ตนยืนยันว่า ไม่มี และเป็นไปไม่ได้ที่จะย้าย หรือจะย้ายไปไหน และการย้ายผอ.ไปก็ไม่ทำให้ความคิดหรือเปลี่ยนอุดมการณ์เขาได้ อีกทั้งการโยกย้ายจะต้องผ่านกระบวนการ และอยู่ที่ความเหมาะสมและประสิทธิภาพและผลงานอีกด้วย อีกทั้งการโยกย้ายก็ต้องพิจารณาจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและความคิดเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในแต่ละบทบาททำอย่างไรบทบาทข้าราชการจะเป็นอย่างไร ถ้าแยกบทบาทแยกหมวกใส่ให้ถูกก็ไม่มีปัญหา ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ เรื่องของความคิดเห็นทางการเมืองทุกคนมี 2 บทบาทแต่ขอให้ข้าราชการระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะทางโซเชียลมิเดียที่เป็นสื่อสาธารณะอีกรูปแบบ ที่ต้องให้ความระมัดระวัง แต่ไม่ได้ห้ามแสดงความคิดเห็น เพราะในนามส่วนตัวทำได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจน ตนจะมีหนังสือออกไปขอให้มีความระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะในฐานะของข้าราชการ แต่ถ้าแสดงความคิดเห็นส่วนตัวสามารถดำเนินการได้ ส่วนเรื่องที่แพทย์จะลงชื่อร่วมแสดงความเห็นทางการเมืองได้หรือไม่นั้น ตนมองว่าหากลงชื่อได้ในนามส่วนตัวก็กระทำได้ แต่ไม่ควรลงว่ามีต้นสังกัด โรงพยาบาลใด จึงขอความร่วมมือไม่ใช่ความเป็นข้าราชการในการแสดงความคิดเห็น แต่ส่วนตัวสามารถทำได้ แม้จะใช้คำว่านายแพทย์ หรือแพทย์หญิงก็ทำได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลนั้นโดยหลักโรงพยาบาลมีหน้าที่ในการรักษาพยาบาลโดยเฉพาะกรณีหากมีผู้ป่วยฉุกเฉินหากไม่ให้การรักษาพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายจึงต้องรักษาปฏิเสธไม่ได้