เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ก.ค. นายณัฐกิตติ์ ไชยวรรณรัตน์ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่สำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ตามที่ปรากฏในข่าว โดยสำรวจบริเวณกองฟืนซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อเผาร่างศพไร้ญาติตั้งแต่เมื่อวานนี้ พบว่า ยังมีดอกไม้จันทน์และสายสิญจน์วางอยู่ แต่ไม่พบตัว พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตธัมโม เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี แต่อย่างใด เบื้องต้นมีพระสงฆ์ภายในสำนักแจ้งว่า พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เดินทางไปให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง จะกลับมาถึงที่วัดในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ นายณัฐกิตติ์ กล่าวว่า เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบและจับกุมพระภิกษุสัญชาติกัมพูชาที่เดินทางเข้าประเทศไทยมาอย่างผิดกฎหมายได้หลายสิบคน ต้องใช้รถตู้ขนตัวผู้ต้องหาถึง 6 คัน กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก ทางผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ตนเดินทางมาตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ และขอพบกับ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เจ้าสำนัก เพื่อขอดูเอกสารเกี่ยวกับการขออนุญาตฌาปนกิจศพว่ามีหรือไม่ แต่ปรากฏว่า พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา ไม่ได้อยู่ที่สำนัก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรอคำสั่งการในวันพรุ่งนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป “จากการหาข้อมูลเอกสารพบว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระเข้ามาอาศัยอยู่ในช่วงหลังน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ปี พ.ศ.2554 และเนื้อที่บริเวณดังกล่าวเป็นของเอกชน ทราบว่ากำลังมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่กับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตามจะต้องนำข้อมูลต่างๆ มาพิจารณาร่วมกัน รวมถึงกรณีที่เมื่อวานนี้มีชาวบ้านเข้าร้องทุกข์กับตำรวจ สน.ธรรมศาลา ว่า ถูกพระทำร้ายร่างกายจะต้องรอให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ให้เสร็จสิ้น จากนั้นทางสำนักเลขาธิการมหาเถระสมาคม จึงจะมีข้อสั่งการกันในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทั้งพระและสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้กันต่อไป” นายณัฐกิตติ์ กล่าว ขณะที่ นายสุชิน สังข์บุญลือ อายุ 58 ปี และ น.ส.ศิริวรรณ จีบเรียบ อายุ 25 ปี ชาวบ้านถูกน้ำมันก๊าดราดรดตัว เมื่อวานนี้ได้นำเสื้อผ้าและเอกสารการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา มาโชว์กับผู้สื่อข่าว โดย นายสุชิน เล่าว่า เมื่อวานนี้ระหว่างที่เจ้าสำนักกำลังทำพิธีเผาศพ นางอ้วน ผู้ตาย พวกตนเห็นว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนและการเผาบนกองฟืนแบบสมัยโบราณไม่น่าจะทำได้ในกรุงเทพฯ จึงรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ พอตำรวจประมาณ 10 นาย เดินทางมาถึงแทนที่เจ้าสำนักจะหยุดทำพิธี กลับราดน้ำมันก๊าดและจุดไฟเผากองฟืนทำให้ตำรวจต้องร้องขอให้ชาวบ้านช่วยกันดับไฟ นายสุชิน เล่าต่อไปว่า ตนเห็นว่าเพลิงกำลังลุกลามจากกองฟืนขึ้นไปไหม้เรือนร่างศพจึงรีบวิ่งไปหยิบถังเคมีดับเพลิงในบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันมาฉีดควบคุมเพลิงจนดับ จากนั้นทางเจ้าสำนักก็แสดงความไม่พอใจถกเถียงกับชาวบ้านยกใหญ่ แล้วใช้น้ำมันก๊าดในปี๊บรดใส่ตนและ น.ส.ศิริวรรณ จนเปียกชุ่ม โชคดีที่เป็นน้ำมันก๊าดไม่ไวไฟ ถ้าเป็นน้ำมันเบนซินตนและ น.ส.ศิริวรรณ อาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นท่ามกลางพยานหลายปากทั้งบรรดาชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างไม่ชอบมาพากล พระสงฆ์ที่มีอยู่กว่า 50-60 รูป กว่าครึ่งหนึ่งเป็นพระกัมพูชา บริเวณด้านหลังสำนักก็มีขวดเบียร์ทิ้งอยู่ระเกะระกะ ช่วงยามเย็นๆ หลายครั้งมีชาวบ้านเห็นพนักงานร้านหมูกระทะขับรถเข้ามาส่งสินค้าให้ลูกค้าภายในวัด ที่สำคัญพฤติกรรมของเจ้าสำนักก็ไม่น่าไว้วางใจ โดยจะชอบให้ผู้หญิงขับรถยนต์ส่วนตัวเป็นเก๋งสีขาว ติดฟิล์มดำสนิทมาคอยรับส่งที่สำนักเป็นประจำสม่ำเสมอไม่เว้นแม้แต่ขับพากันเข้าออกในยามวิกาล จนชาวบ้านเกิดความสงสัยแคลงใจไปตามๆ กัน” นายสุชิน กล่าว.