คอหวยเสียดาย คนต่างถิ่นไม่เห็นเลขหลัก กม.51 ตรงบริเวณจุดเกิดเหตุขบวนม้าเหล็กขยี้รถบัสทัวร์กฐิน 19 ศพ ขณะชาวบ้านในพื้นที่ได้โชคเกือบครึ่งหมู่บ้าน แต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงการได้ลาภเพียงเล็กๆ น้อย ขณะบรรยากาศที่สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่นเริ่มกลับเข้าสู่ความเงียบสงบลงอีกครั้ง วันที่ 17 ต.ค.63 เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายเสนาะ สุขสำอางค์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/3 ม.7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นร้านค้าตั้งอยู่ริมทางรถไฟว่า จากเหตุการณ์ที่ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์ พุ่งชนกับรถบัสที่กำลังจะเดินทางไปร่วมกันทอดกฐินยังที่วัดบางปลานัก พื้นที่ ม.10 ต.บางเตย จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากถึง 39 ราย และเสียชีวิต 19 คน เมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้มีชาวบ้านนำตัวเลขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับในที่เกิดเหตุ ไปเสี่ยงทายผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 ต.ค.63 ที่ผ่านมา จนทำให้คนส่วนใหญ่นั้นต่างพากันผิดหวังไปตามๆ กัน หลังผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ แต่ได้มีชาวบ้านในพื้นที่กลุ่มหนึ่งหรือประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของหมู่บ้าน ต่างพากันได้รับโชคลาภจากตัวเลขที่เกี่ยวข้องกันกับในที่เกิดเหตุ โดยชาวบ้านกลุ่มนี้ได้นำตัวเลขหลัก กม. ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หมายเลข กม.ที่ 51 ที่ปักอยู่ตรงบริเวณริมขอบรางใกล้ที่เกิดเหตุไปเสี่ยงทายถึงผลการออกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว ของรางวัลที่ 1 ที่ออกเลขรางวัลโดยกองสลาก คือ หมายเลข 286051 จึงทำให้ชาวบ้านบางส่วนต่างพากันได้รับโชคลาภไปตามๆ กันถึงเกือบครึ่งหมู่บ้าน แต่ส่วนใหญ่นั้นเป็นโชคลาภเพียงเล็กๆ น้อย โดยมีผู้ที่ได้รับโชคลาภสูงสุดจากเลขนี้ เท่าที่ทราบมาคือประมาณ 4-5 หมื่นบาท ส่วนตนเองนั้นไม่ได้ลาภ เนื่องจากได้นำตัวเลขทะเบียนรถบัสคันเกิดเหตุ คือ 30-1476 ไปเสี่ยงทาย ซึ่งไม่ตรงกับผลการออกรางวัลของเลขท้ายใดๆ เลย แต่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบผลสลากทั้งหมด จากรางวัลที่ 2 ไปจนถึงรางวัลที่ 5 ซึ่งผู้ที่นำตัวเลขหลัก กม.ไปเสี่ยงทายได้อย่างแม่นยำนั้น ได้นำตัวเลขบนหลัก กม. ของรถไฟ คือ 51 แล้วได้ใช้เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาเติมเลขศูนย์ใส่เข้าไปข้างหน้า จึงได้ตัวเลขที่นำไปเสี่ยงท้าย คือ 051 ซึ่งตรงกับเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ตามที่กองสลากประกาศผลการออกรางวัลออกมาพอดี นายเสนาะ กล่าว และกล่าวต่อว่า สำหรับคนทั่วไป หรือคนที่จรมาจากภายนอกหมู่บ้านนั้น ส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นตัวเลขหลัก กม. เนื่องจากตัวเลขหลัก กม.ที่ปักอยู่ที่ด้านฝั่งตรงข้ามถนนทางข้ามรางรถไฟกับจุดที่รถบัสถูกชนนั้น ได้มีตะไคร่น้ำสีเขียวขึ้นปกคลุมจนกลายเป็นสีดำคล้ำบดบังอยู่ ส่วนด้านฝั่งที่มองเป็นตัวเลขได้อย่างชัดเจนนั้นอยู่ทางด้านในหรือคนละฝั่งกับทิศทางที่จะมองเห็นมาจากจุดเกิดเหตุ แต่ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นรู้กันดีว่า คือ เลขหลัก กม.ที่ 51 นายเสนาะ ระบุ ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่นในวันนี้ด้วยว่า บรรยากาศได้เริ่มกลับมาเงียบเหงาลงแล้ว โดยทุกอย่างได้เริ่มกลับคืนมาสู่ความสงบอีกครั้ง นอกจากนี้ผู้ใช้เส้นทางผ่านส่วนใหญ่ยังได้ชะลอความเร็ว และระมัดระวังในการขับรถข้ามผ่านรางรถไฟมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะค่อยๆ ขับรถคืบคลานขึ้นไปข้ามบนรางรถไฟ โดยมีผู้ใช้เส้นทางเริ่มกลับเข้ามาใช้ทางข้ามผ่านรางรถไฟบนถนนสายนี้เพิ่มขึ้นเป็นระยะ จนเกือบเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว