บริษัทบริหารสินทรัพย์ไนท์คลับ เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เอสเอ็มอี ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณผ่านธนาคารพาณิชย์ เพื่อดูแลเอสเอ็มอี ด้วยการเสนอผลตอบแทนและรับผิดชอบร่วมกัน หวังเสริมสภาพคล่อง หนุนเอสเอ็มอี นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ไนท์คลับ แคปปิตอลจำกัด และนายกสมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทางบริษัทได้เสนอแนวทางช่วยฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้กับธุรกิจเอสเอ็ม หลังจากมาตรการผ่อนผันให้ลูกหนี้เอสเอ็มอีที่ได้รับการพักหนี้ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่จะครบกำหนด 6 เดือนในวันที่ 22 ตุลาคม 2563 ขณะนี้ยังมีเอสเอ็มอีที่ต้องการความช่วยเหลือจำนวนมาก เพื่อให้สามารถดำเนิธุรกิจต่อไปได้ โดยบริษัทขอเสนอให้กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่ง มาสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าปล่อยกู้เพิ่ม เพราะกลัวจะเป็นหนี้เสียในอนาคต ทางออกในเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล แต่ด้วยข้อจำกัดของทรัพยากรและงบประมาณ ดังนั้นธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกระทรวงการคลังจำเป็นต้องคัดเลือกลูกค้าที่เป็นเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพที่สามารถจะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีโอกาสฟื้นตัวในอีก 1-2 ปี ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับผลตอบแทนเช่น 3% ต่อปี หรือกรณีที่เป็นหนี้เสีย (NPL) จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบเช่นกัน โดยจ่ายจำนวน 3% เป็นต้น ทั้งนี้ผลตอบแทนและรายละเอียดอื่นๆจะต้องมีการหารือในรายละเอียด และวางกรอบปฏิบัติร่วมกันอีกครั้ง สำหรับลูกหนี้ที่ยังไม่สามารถกลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ตามปกติ หรือจ่ายได้บางส่วนนั้นจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ถ้ามีการเพิ่มสภาพคล่องโดยรัฐบาลสนับเงินงบประมาณมาจำนวนหนึ่งผ่านไปยังธนาคารพาณิชย์เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยการมีเงื่อนไขผลประโยชน์ร่วมกัน จะทำให้การแก้ปัญหาทำได้เร็วขึ้น ตรงจุด เอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ ขณะที่ในระยะกลางถึงยาวนั้น ทางบริษัทเชื่อว่าเอสเอ็มอีจะมีการปรับตัว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ ทั้งนี้เอสเอ็มอีได้มีการปรับตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ในหลายรูปแบบแล้ว ในอนาคตถ้ามีการเพิ่มทักษะ และขยายธุรกิจไปในอุตสาหกรรมเช่น การแพทย์ พยาบาลที่เป็นจุดแข็งของประเทศจะทำให้เอสเอ็มอีมีโอกาสเติบโตอีกมาก