DITP ร่วมกับ BigBasket ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ยักษ์ใหญ่แดนโรตีจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้สดและอาหารไทยผ่านช่องทางออนไลน์ (Thai Food Bazaar) เต็มรูปแบบครั้งแรกในอินเดียใต้ ระหว่างวันที่ 12 สิ.ค.-11 ก.ย.ที่ผ่านมา ปลื้มผลตอบรับดีเกินคาดแม้อินเดียยังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ สามารถกระตุ้นยอดขายสินค้าไทยทั้งผ่านร้านค้าออนไลน์ TOPTHAI Store และการจัดกิจกรรมครั้งล่าสุด มูลค่ารวมกันมากกว่า 13 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมออนไลน์ร่วมกันครั้งใหม่ต้นปีหน้า ต่อยอดการลงนามความตกลง MOU เมื่อพฤศจิกายน 2562 อย่างต่อเนื่องหวังขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยในอินเดียตามนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าผลไม้สดและอาหารไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ (Online In-Store Promotion) ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน สาธารณรัฐอินเดียในชื่องานว่า “Thai Food Bazaar” ระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม–11 กันยายน 2563 โดยกรมได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม BigBasket ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดียจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยบนเว็บไซต์ (www.bigbasket.com) และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ มุ่งเน้นขยายตลาดสินค้าไทยในเมืองเศรษฐกิจสำคัญของอินเดียใต้ได้แก่ เมืองเจนไน รัฐทมิฬนาฑู และเมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา โดยสามารถสร้างยอดขาย มูลค่ารวม 1,828,000 รูปี (914,000 บาท) ตลอดการจัดงานรวม 30 วัน ประกอบด้วยผลไม้สด มูลค่า 1,472,000 รูปี (736,000 บาท) และผลิตภัณฑ์อาหารไทย 356,000 รูปี (178,000 บาท) โดยผลไม้ไทยที่มียอดขายสูงสุดได้แก่ ลำไย มะขามหวาน แก้วมังกร และผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่มียอดขายสูงสุดได้แก่ เส้นผัดไทย น้ำผลไม้พร้อมดื่ม กะทิสำเร็จรูป ปลาทูน่าและปลาซาร์ดีนกระป๋อง โดยการจัดงาน Thai Food Bazaar ที่เพิ่งผ่านพ้นไปด้วยผลตอบรับที่ดีนั้น กรมได้วางแผนเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างรอบด้าน ทั้งการใช้แบนเนอร์ประชาสัมพันธ์ผลไม้สด อาหารและเครื่องดื่มของไทยบนหน้าเว็บไซต์หลักและหน้ารายการผักและผลไม้สดและบนแอปพลิเคชันของโทรศัพท์มือถือ การจัดกิจกรรมสินค้าไทย ราคาพิเศษ (Fresho Days) เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงสุดสัปดาห์ การส่งข้อความไปยังฐานลูกค้าผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ (Push Notification) และการติดสัญลักษณ์ธงชาติไทยกับภาพสินค้าที่วางจำหน่ายเพื่อสร้างการรับรู้สินค้าไทยในหมู่ผู้บริโภคอินเดีย “ที่ผ่านมา DITP ได้ลงนามMOU กับ BigBasket ในช่วงการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกัน ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ที่ต้องการขยายตลาดสินค้าไทยสู่ต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้นตามแนวโน้มการค้าของโลกยุคใหม่ โดยต่อมานายจุรินทร์ ได้ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดร้านค้าออนไลน์ของไทย (TOPTHAI Store) บนแพลตฟอร์มของ BigBasket ณ เมืองเบงกาลูรู (บังกาลอร์) เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ในช่วงการเดินทางเยือนอินเดีย ซึ่งนับเป็นความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมลำดับแรกภายหลังการลงนาม MOU ดังกล่าว” ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-ก.ย.63) ร้าน TOPTHAI Store สามารถสร้างยอดขายสินค้าไทย มูลค่ารวม 25.47 ล้านรูปี หรือประมาณ 12.74 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 80 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเมื่อรวมยอดขายสินค้าไทยจากการเปิดร้าน TOPTHAI Store และการจัดงาน Thai Food Bazaar ล่าสุดที่ผ่านมาบนแพลตฟอร์ม BigBasket คิดเป็นมูลค่ารวม 27.3 ล้านรูปี หรือประมาณ 13.65 ล้านบาท สำหรับการจัดงาน Thai Food Bazaar ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นการต่อยอดจากการลงนาม MOU ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังนับเป็นการปรับตัวเชิงรุกของกรมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในตลาดอินเดียใต้อีกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal ในอินเดียที่วิกฤติโควิด-19 ภายในประเทศยังไม่คลี่คลาย “กรมวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายออนไลน์ร่วมกับ BigBasket อีกครั้งในช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2564 โดยเตรียมพิจารณาเพิ่มจำนวนเมืองที่จัดกิจกรรม พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สินค้าและบริการของไทย รวมถึงการเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากลตามแคมเปญ TRUST THAILAND ของกระทรวงพาณิชย์ ควบคู่กับการโปรโมทผลไม้ไทยอื่นๆที่มีศักยภาพในตลาดอินเดียอาทิ ทุเรียน ชมพู่ มะม่วงเขียวเสวย ลิ้นจี่ ซึ่งไทยสามารถส่งออกไปอินเดียโดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ FTA ไทย-อินเดีย อันจะเป็นอีกหนึ่งหนทางในการขยายตลาดให้แก่สินค้าผลไม้สด รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆของไทยภายใต้นโยบาย “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” ของรัฐบาล ซึ่งกรมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนช่วยให้มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการของไทย สู่ตลาดอินเดียในภาพรวมเติบโตได้อีกทางหนึ่ง”