วันที่ 14 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวเปิดเผยว่าเมื่อวานช่วงเย็นตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ชุมนุมจำนวน 21 ราย เนื่องจากมีการตั้งเต็นท์ในที่สาธารณะ มีการปิดเส้นทางจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตำรวจได้แจ้งเตือนให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นผิวการจราจร เพื่อให้ประชาชนได้ใช้เส้นทางสัญจรได้ตามปกติ ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมขัดขืน ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงาน อีกทั้งยังได้มั่วสุม ก่อความวุ่นวาย เช่น ใช้สีน้ำสาดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าทีนั้นเลอะเทอะ รวมทั้งขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ด้วย ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ตำรวจได้แจ้งเตือนและเจรจาก็ไม่เป็นผล นอกจากนี้ยังทำให้เกิดสภาพที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อร้ายแรง และที่สำคัญเป็นความผิดซึ่งหน้า จึงใช้อำนาจควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย ส่งพนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฎร์ แจ้งข้อหาทั้งสิ้น 10 ข้อหา สำหรับแนวทางการจะคัดค้านหรือไม่คัดค้านการประกันตัวต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า มีการจัดกำลังควบคุมฝูงชน(คฝ.) เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในวันนี้ทั้งสิ้น 99 กองร้อย เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบตามปกติ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคม โดยตำรวจยึดถือหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป ขอให้ผู้ชุมนุมตระหนักว่าตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร ซึ่งหลังจากมีเหตุการณ์เมื่อวานแล้ว วันนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมคงพยายามที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ประกาศไว้ เมื่อถามว่าวิธีการปฏิบัติของตำรวจเมื่อวานในการควบคุมตัวผู้ชุมนุมสุ่มเสี่ยงต่อการผิดระเบียบหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ชุมนุมเป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจึงให้อำนาจตามกฎหมายในการควบคุมตัว เพราะหากไม่ควบคุมตัวก็จะทำให้เกิดสถานการณ์บานปลาย ไปกระทบสิทธิผู้อื่น ส่วนที่ปรากฏภาพตำรวจล็อค ล็อคแขนผุ้ชุมนุมนั้น หากคนไม่ได้ดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ก็จะไม่ทราบที่มาที่ไป ถ้าผู้ที่มาชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมายทั้งหมด ไม่ไปกีดขวางการจราจร หรือไม่กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ตำรวจคงไม่จับกุม ภาพเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าตำรวจได้เจรจาตามขั้นตอนก่อนที่มาถึงจุดที่ต้องควบคุมตัว เมื่อถามว่าวันนี้หลายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ตำรวจจะดูแลรักษาความสงบอย่างไร พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การมารวมตัวกันกี่กลุ่มก็ตามแต่ ขอให้ทุกกลุ่มศึกษาข้อกฎหมายให้ดี อย่าไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ส่วนจะกลายเป็นม็อบชนม็อบหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของตำรวจก็กลายเป็นคู่ขัดแย้งของทุกสี แต่ยืนยันว่าตำรวจจะทำตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย ไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์