นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่ การชุมนุมวันนี้ (14 ต.ค.) มีความพยายามที่จะสร้างกระแสการชุมนุมจำนวนมาก ซึ่งบางคนไม่รับรู้ว่าสถานการณ์โลกไปถึงไหนแล้ว และสถานการณ์ในประเทศเป็นอย่างไร เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าไตรมาส 4 จะมีคนตกงานมากน้อยแค่ไหน หากมีการชุมนุม มีความปั่นป่วนแบบนี้ความไม่มั่นใจในการประกอบธุรกิจ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนมีมากขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้แย่ลง คนว่างงานก็มีมากขึ้น “ไม่ต้องการให้เกิดสภาวะแบบนี้ ดังนั้นช่วงนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันพาประเทศให้พ้นวิกฤตไม่ใช่มาสร้างกระแสการเมือง โดยเมืองไทยเป็นประเทศที่เป็นแหล่งอาหารของโลก หากมีปัญหาการเมืองจะทำให้การค้าขาย การลงทุน นักธุรกิจไม่อยากเข้ามาลงทุนในประเทศ” สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มคณะราษฎรในการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.นั้นมองว่า ข้อเรียกร้องต้องตอบโจทย์ประเทศให้ได้เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น แล้วใครจะมาเป็น นายกฯต่อ ซึ่งข้อเรียกร้องต้องมีเหตุและผลมารองรับให้ครบวงจร อย่างไรก็ตามการชุมนุมการเมืองในวันนี้(14 ต.ค.)เชื่อว่ารัฐบาลจะควบคุมได้ เพราะรัฐบาลต้องทำให้ประเทศอยู่รอดเพื่อบริหารประเทศต่อไป ทำการเมืองให้นิ่ง เศรษฐกิจเดินหน้า คนไม่ตกงาน ขณะนี้รัฐบาลพยายามออกมาตรการช่วยเหลือ กระตุ้นเศรษฐกิจทุกอย่างอยู่แล้ว อีกทั้งต่างประเทศอยากมาท่องเที่ยว มาลงทุนในประเทศ บรรยากาศภายในประเทศกำลังดี เรามีเรื่องการเมืองมาจะทำให้ทุกอย่างสะดุด เมื่อถามว่า กังวลเรื่องมือที่ 3 ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ นายกลินท์กล่าวว่า มีโอกาส เพราะทุกอย่างมีความเสี่ยง ดีที่สุดคือ การพูดคุยว่าต้องการอะไร ซึ่งสิ่งที่ต้องการต้องเป็นไปได้บนพื้นฐานความจริง