มจ.จุลเจิม ยุคล หรือ'ท่านใหม่' โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ จุลเจิม ยุคล ระบุว่า
เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ภายใต้ร่มพระบารมี
ในเวลา 19.45 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2563 ภายหลังเสร็จพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พุทธศักราช ๒๕๖๓ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกโปรยปราย แทนที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับโดยรถยนต์พระที่นั่ง ทุกพระองค์ทรงพระดำเนินกรำฝน ทรงทักทายและพระราชทานกำลังใจอย่างทั่วถึงแก่เหล่าพสกนิกรที่รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จในท่ามกลางสายฝนทั้งสองฟากฝั่งถนนหน้าพระลาน ยังความปลื้มปีติสุขเป็นล้นพ้น ยากที่จักสามารถสรรหาถ้อยคำอันใดมาอธิบายภาพงดงามหมดจดในค่ำคืนนี้ได้อย่างครบถ้วน
ความสุขหนึ่งชั่วโมง ณ เวลานั้น เมื่อเหล่าพสกนิกรแลเห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี ทรงพระดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร จากหน้าศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ออกไปจนถึงบริเวณหน้าศาลหลักเมือง เพื่อทรงทักทายและพระราชทานกำลังใจแก่ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จในท่ามกลางสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ประชาชนต่างโบกธงชาติไทย ธงอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ธงอักษรพระนามาภิไธย ส.ท. ปลิวไสว พร้อมเปล่งถ้อยคำ “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ...” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโดยไม่ขาดสาย
ด้วยพระราชปรีชาญาณทรงรับรู้ว่าพสกนิกรต่างแสนโศกเศร้าเพียงใดในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ทุกพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณทรงพระดำเนินเพื่อปลอบขวัญกำลังใจพสกนิกรดุจน้ำทิพย์ประโลม เฉกเช่นสายฝนจากฟ้าที่ประโลมลงมา เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งผอง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นหาที่สุดมิได้แก่อาณาประชาราษฎรมิเพียงเฉพาะในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเท่านั้น
ขอทุกพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ม.จ. จุลเจิม ยุคล
ในเวลา 19.45 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2563 ภายหลังเสร็จพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พุทธศักราช ๒๕๖๓ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกโปรยปราย แทนที่จะเสด็จพระราชดำเนินกลับโดยรถยนต์พระที่นั่ง ทุกพระองค์ทรงพระดำเนินกรำฝน ทรงทักทายและพระราชทานกำลังใจอย่างทั่วถึงแก่เหล่าพสกนิกรที่รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จในท่ามกลางสายฝนทั้งสองฟากฝั่งถนนหน้าพระลาน ยังความปลื้มปีติสุขเป็นล้นพ้น ยากที่จักสามารถสรรหาถ้อยคำอันใดมาอธิบายภาพงดงามหมดจดในค่ำคืนนี้ได้อย่างครบถ้วน
ความสุขหนึ่งชั่วโมง ณ เวลานั้น เมื่อเหล่าพสกนิกรแลเห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี ทรงพระดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร จากหน้าศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ออกไปจนถึงบริเวณหน้าศาลหลักเมือง เพื่อทรงทักทายและพระราชทานกำลังใจแก่ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จในท่ามกลางสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ประชาชนต่างโบกธงชาติไทย ธงอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ธงอักษรพระนามาภิไธย ส.ท. ปลิวไสว พร้อมเปล่งถ้อยคำ “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ...” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโดยไม่ขาดสาย
ด้วยพระราชปรีชาญาณทรงรับรู้ว่าพสกนิกรต่างแสนโศกเศร้าเพียงใดในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ทุกพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณทรงพระดำเนินเพื่อปลอบขวัญกำลังใจพสกนิกรดุจน้ำทิพย์ประโลม เฉกเช่นสายฝนจากฟ้าที่ประโลมลงมา เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งผอง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นหาที่สุดมิได้แก่อาณาประชาราษฎรมิเพียงเฉพาะในเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเท่านั้น
ขอทุกพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ม.จ. จุลเจิม ยุคล