“คนไทยกินข้าวมาแต่บรรพบุรุษ จะกินขนมปังสักมื้อสองมื้อก็คงได้ แต่จะให้กินตลอดไปคงไม่ได้ กินข้าวอร่อย เพราะว่าอร่อยมาตลอดชีวิต แล้วถ้ามีอยู่วันหนึ่งเราเอานาไปทำอย่างอื่น หมดแล้วต้องไปซื้อข้าวที่บรรทุกมาในเรือบรรทุก แล้วก็แพงมากกว่าที่เราปลูกได้แล้ว คิดถึงชาวบ้านที่เขายากจน เขาต้องซื้อข้าวแพง …” (พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กับผู้ได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล จากบทความ “พ่อของแผ่นดิน พระผู้ทรงห่วงใยคนไทยทุกหมู่เหล่า “โดย ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย) ตลอดรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงให้ความสำคัญและทรงสนพระทัยทำนุบำรุงข้าวไทยมาโดยตลอด โดยทรงใช้พื้นที่พระราชวังสวนดุสิต เป็นแปลงนาสาธิตทดลองพันธุ์ข้าวจากสายพันธุ์ต่างๆ จากทั่วประเทศ เพื่อศึกษาหาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ชาวนาปลูกข้าวไทยพันธุ์ดี ทั้งทรงจัดตั้งโรงสีข้าวทดลอง พระราชทานผลผลิตที่ได้จากการทดลองให้เกษตรกร ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรชาวนา ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ กระทั่งสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (IRRI) ได้น้อมเกล้าถวายเหรียญทอง “International Rice Award” เพื่อเทิดพระเกียรติ .............................................. 13 ตุลาคม 2563 ครบรอบ 4 ปีแห่งการสวรรคตของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) ได้จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน ชวนคนรุ่นใหม่อนุรักษ์วัฒนธรรมข้าวภาคใต้ วิถีปลูกข้าวนาดำ สานต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านเกษตร ควบคู่สืบสานโครงการอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริ ผศ.ดร.ทัศนา ศิริโชติ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) ประธานเปิดโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมข้าวภาคใต้ วิถีการปลูกข้าวนาดำ ณ สถานีปฏิบัติการพืชไร่ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มรภ.สงขลา กล่าวว่า การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน โดยพัฒนาคนในทุกมิติและทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง มีคุณภาพ ส่งเสริมความรู้วางแผนชีวิตที่เหมาะสมกับค่านิยมของคนรุ่นใหม่ พัฒนาทักษะชีวิตและการเรียนรู้ การทำงาน การดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ รวมถึงให้ทุกภาคส่วนในสังคม เช่น นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร ในสาขาวิชาต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ ดร.มงคล เทพรัตน์ คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร มรภ.สงขลา กล่าวว่า คณะได้ตอบโจทย์การสร้างคนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ ผลักดันให้นำวัฒนธรรมการทำงานที่พึงประสงค์ไปใช้ปฏิบัติจนเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของคนไทย อาทิ ตรงต่อเวลา รับผิดชอบ มีระเบียบวินัย ทำงานเป็นทีม เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง ทำงานอย่างกระตือรือร้น รวมทั้งสืบสานวิถีชีวิตชุมชนในการผลิตบัณฑิตและพัฒนากำลังคนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพตลอดช่วงชีวิต และเพื่อผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติและบัณฑิตที่มีศักยภาพสอดคล้องความต้องการของท้องถิ่นและการพัฒนาประเทศ ด้าน ผศ.ดร.คริษฐ์สพล หนูพรหม รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและกิจการพิเศษ ผู้เสนอโครงการกล่าวว่า ข้าวคืออาหารหลักและเป็นพืชที่เลี้ยงชีวิตคนไทยมาแต่โบราณ อีกทั้งเป็นสินค้าหลักของประเทศ ข้าว ผูกพันกันมานานกับวิถีชีวิตของคนไทย และมีส่วนสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ ก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมข้าวที่เป็นเสมือนภาพสะท้อนที่แสดงความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมของชาติได้อย่างดี ไทยมีพิธีที่เกี่ยวข้องกับข้าวและการเพาะปลูกต่อเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอให้การเพาะปลูกข้าวในปีนั้นๆ ผ่านไปด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นคน ข้าว สัตว์ ต่างก็ประสบแต่ความสวัสดีมีชัย ปราศจากอันตรายต่างๆ เช่น พิธีแรกไถนา พิธีแรกดำนา พิธีปักข้าวตาแฮก พิธีแรกหว่านข้าว พิธีเชิญแม่โพสพใส่ข้าวปลูก พิธีบูชาแม่ธรณี เป็นต้น ดังนั้น ข้าวจึงเป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมไทยที่แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวนาไทยที่มีอาชีพหลัก คือ ปลูกข้าว ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการโคกกูแว จ.นราธิวาส พ.ศ.2536 ความว่า “…ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปีประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก...” ดร.ศุภัครชา อภิรติกร อาจารย์ประจำหลักสูตรเกษตรศาสตร์ กล่าวเสริมว่า เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คณะเทคโนโลยีการเกษตร จึงมีโครงการต่างๆ ที่เป็นสื่อกลางที่จะหล่อหลอมให้บุคลากรในหน่วยงาน นักศึกษา และชาวนา ได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่ออนุรักษ์วิถีปลูกข้าว เช่น โครงการสืบสานพระบรมราโชบาย อนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองเฉพาะถิ่น โครงการให้คำปรึกษาเสริมรายได้จากพืชหลังนาอินทรีย์แก่เกษตรกรใน ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา สำหรับปี 2563 ได้จัดโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมข้าวภาคใต้ : วิถีการปลูกข้าวนาดำ เพื่อให้นักศึกษาและบุคลากรคณะเทคโนโลยีการเกษตร และหน่วยงานอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญของข้าว ดร.ภัทรพร ภักดีฉนวน อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต วิทยากรบรรยาย “การปลูกข้าวแบบนาดำ” ให้แก่นักศึกษา กล่าวว่า นอกจากคณะเทคโนโลยีการเกษตร มีพันธกิจจัดการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑิตและบัณฑิตศึกษาทางการเกษตร วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางการเกษตร และบริการวิชาการเพื่อพัฒนาท้องถิ่นแล้ว คณะยังมีพันธกิจด้านอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นทางการเกษตรและสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริ ซึ่งวัฒนธรรมข้าวเป็นวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของคนไทย ขณะที่ ตัวแทนนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีการเกษตร กล่าวว่า ตื่นเต้นในการดำนาครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งกิจกรรมที่คณะจัดขึ้นจะช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมการปลูกข้าวของภาคใต้ให้คงอยู่ ทำให้ได้รู้ถึงการดำนากว่าจะได้ข้าวมาในแต่ละปีของชาวนา ด้านตัวแทนนักศึกษาสาขาเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า รู้สึกได้ถึงความสามัคคีในการปลูกข้าวร่วมกัน และความพยายามของชาวนาในการลงแขกปลูกข้าว และการรักษาวัฒนธรรมการปลูกข้าวแบบเดิม รู้สึกประทับใจและรอวันที่จะเกี่ยวข้าวในอีกประมาณ 90 วันข้างหน้า