เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อขอให้นายกฯ พิจารณาดำเนินการกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กรณีถูกชี้มูลความผิดโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.) ฐานละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่าซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ชนิด 10 ล้อ จำนวน 2 คันเป็นเงิน 50,850,000 บาท ให้แก่บริษัทคู่สัญญา โดยคณะกรรมการป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าการกระทำของนายนิพนธ์ มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดทางอาญา เนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย จากกรณีข้างต้นจึงมีผลกระทบต่อคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 164 (4) ฉะนั้นในฐานะนายกฯ จึงไม่ควรนิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้เรื่อง ควรดำเนินการกับนายนิพนธ์ ด้วยการปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)หรือขอให้ลาออกจากตำแหน่ง นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การที่ข้าราชการ รัฐมนตรี(รมต.) และครม.ถูกชี้มูลความผิดนายกฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะเป็นคนตั้งรมต.และคุณสมบัติรมต.ที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ และเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลก็เป็นเหตุที่นายกฯ ต้องปรับนายนิพนธ์ออกจากครม.จะให้เป็นการพักงานหรือลาออกก็แล้วแต่ และเมื่อท้ายที่สุดแล้วหากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็สามารถกลับมาได้เพราะสมัยที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากอำนาจเผด็จการใช้มาตรา 44 ในการโยกย้ายข้าราชการจำนวนมาก แม้แต่ตนก็เคยถูกเรียกรายงานตัว ดังนั้นเมื่อนายกฯ เคยปฏิบัติอย่างไร วันนี้ก็ควรปฏิบัติให้เข้มแข็งกว่าเดิม เพราะนายกฯ บอกเองว่า มีอะไรไม่ดีก็มาบอก และตนก็มาบอกแล้ว นายเรืองไกร กล่าวว่า ถ้าจำกันได้เมื่อต้นปี 61 นายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แขวะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กรณีนาฬิกาหรู โดยยกกรณีนายวิทยา แก้วภราดัย ที่ต้องลาออกจาก รมว.สาธารณสุข จากกรณีสงสัยการทุจริตในโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 และนายวิฑูรย์ นามบุตร ที่ขอลาออกจากตำแหน่งรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรณีปัญหารแจกถุงยังชีพที่มีปลากระป๋องเน่า ทั้งที่ยังไม่มีการชี้มูลก็ออกมารับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของรัฐบาล แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ก็เงียบ คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็มาแถลงข่าวอุ้มนายนิพนธ์เป็นเรื่องที่แปลกมาก และอาจจะต้องกล่าวถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภา และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งยึดหลักกฎหมายพูดดีหมด อย่างการที่บอกว่าเราจะไม่ซื้อเสียง พรรคประชาธิปัตย์ลืมคดีนายบุญมาก ศิริเนาวกุล อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำความผิดพ.ร.บ.เลือกตั้งกรณีซื้อเสียงในสมัยไปหรือเปล่า นายเรืองไกร กล่าวว่า สิ่งที่ตนมาร้องนายกฯ ในวันนี้ เพราะไปร้องพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ได้ จึงมาร้องขอนายกฯ สั่งให้นายนิพนธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ อย่าอาศัยเวลาในช่วงที่ป.ป.ช.ส่งคดีไปอัยการถึงศาล เพราะนายนิพนธ์ ถูกชี้มูลความเป็นนักการเมืองท้องถิ่นคงไม่ได้ไปศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะกว่าไตร่สวนเสร็จก็อีกนาน ดังนั้นเพื่อสร้างบรรดทัดฐาน นายกฯต้องดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว อย่าบ่ายเบี่ยง อย่าคิดว่าถ้าทำไปแล้วเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์จะมีปัญหาจะกลายเป็นข้อแก้ตัว ใช้เหตุผลทางการเมืองเหนือจริยธรรม