กรณีที่ซาร่า คาซิงกินี ดาราและนางแบบสาว แถลงข่าวเปิดใจถึงศึกแย่งลูก พร้อมยอมรับว่ามีลูกสาววัย 2 เดือนชื่อ น้องเอมมิลี่ เกิดจากนายแบบหนุ่มชาวยูเครน “วาดิม ดี” ทำให้ในวันเดียวกันนั้นไมค์ ประกาศจะขอถอนสิทธิการรับรองบุตรและสิทธิในการปกครองร่วม โดยจะเก็บเงินใส่บัญชีให้น้องแม็กซ์เวลล์ ทุกเดือน และมอบให้เมื่อตอนที่น้องแม็กซ์เวลล์ บรรลุนิติภาวะนั้น หลังไมค์ โพสต์ระบุว่าจะถอนการยื่นคำร้องต่อศาลในเรื่องสิทธิปกครองร่วมและการรับรองบุตรนั้น ทำให้ นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความของซาร่าออกมาโพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่า ไม่ได้เห็นแก่ลูก แต่เพราะอยากเอาชนะซาร่า ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนในโลกออนไลน์ ทำนองว่า ยื่นฟ้องศาลก็โดนว่า พอถอนฟ้อง ก็โดนว่าอีก ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ทนายประมาณ จึงได้ออกมาไลฟ์และโพสต์อีกครั้ง โดยขอโทษที่ใช้คำรุนแรงกับไมค์ และช่วงหนึ่งทนายประมาณ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดคำคัดค้านฉบับใหม่ที่จะใช้ในชั้นศาล “เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้อยู่กินกันฉันสามีภริยา ถ้าให้ทั้งคู่ใช้อำนาจปกครองร่วมกัน ทั้งคู่ก็จะสามารถกำหนดถิ่นที่อยู่ของลูกและอื่นๆ ได้ และหากเห็นไม่ตรงกันก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา ในกรณีนี้จึงควรมีผู้ใช้อำนาจปกครองเพียงคนเดียว และซึ่งน้องซาร่าเป็นแม่ของลูก จึงควรจะให้อำนาจปกครองยังคงอยู่กับน้องซาร่า ดังนั้น คำคัดค้านฉบับใหม่ที่ผมเขียนให้ น้องซาร่าจึงยินยอมให้น้องไมค์เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ขอให้อำนาจปกครองบุตรยังอยู่ที่แม่ การถอนคำร้องไม่รับรองบุตรเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอใช้อำนาจปกครองร่วม นอกจากจะไม่ทำให้น้องไมค์บรรลุวัตถุประสงค์ของการยื่นคำร้องเข้ามาในครั้งนี้แล้ว ยังกระทบต่อสิทธิของน้องแม็กเวลล์ด้วย ผมจึงเห็นว่าไม่ควรถอนการรับรองบุตร ควรจะถอนเฉพาะส่วนของการใช้อำนาจปกครองร่วมเพียงเท่านั้น เพราะการที่น้องไมค์ยื่นคำร้องเข้ามาแล้ว เป็นการแสดงเจตนาที่จะรับรองบุตรแล้ว เมื่อถอนไปศาลจะต้องถามฝั่งมารดาว่าคัดค้านการถอนหรือไม่ ทางน้องซาร่าอาจจำเป็นจะต้องคัดค้านไม่ให้ถอนในส่วนของการรับรองบุตรเพราะเป็นสิทธิของน้องแม็กซ์เวลล์โดยตรง เพราะหากน้องซาร่าไม่คัดค้าน ก็จะทำให้น้องแม็กซ์เวลล์ไม่มีพ่อที่ชอบด้วยกฎหมาย และหากอนาคตน้องแม็กซ์เวลล์ต้องการให้พ่อรับรองบุตร หากฝ่ายบิดาไม่แสดงเจตนาไปจดทะเบียนรับรองบุตร น้องแม็กซ์เวลล์ก็อาจจะต้องกลับมาฟ้องต่อศาลอีกครั้ง ในส่วนของหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตร ที่เป็นผลมาจากการเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ผมเห็นว่าน้องไมค์ยังคงสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกบรรลุนิติภาวะก่อน เพราะจริงๆ แล้วบุตรผู้เยาว์จำเป็นต้องได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากพ่อและแม่ในระหว่างที่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องการได้รับการศึกษาเล่าเรียน โดยหากมีความกังวลว่าเงินจะไม่ถึงมือลูก ก็สามารถโอนตรงให้กับทางโรงเรียน หรือหากอยากให้ประกันสุขภาพลูก ก็สามารถจ่ายตรงให้กับบริษัทประกันได้ ดั่งเช่นที่ทำมาตลอด ไม่จำเป็นต้องโอนให้น้องซาร่าครับ