ดีเปรสชั่นกระหน่ำฝนตกถนนลื่น รถชนกัน 2 ราย เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 4 ที่กาญจน์ รายแรกกระบะเฉี่ยวชน 10 ล้อ เสียหลักชนกระบะและเก๋งบาดเจ็บ 2 ติดภายในซากรถกระบะ 2 คัน 10 ล้อหลบหนี รายที่ 2 กระบะชนท้าย 18 ล้อจอดลงปุ๋ยริมถนน เสียชีวิตคาซาก 1 บาดเจ็บติดภายในอีก 2 อาการสาหัส กู้ชีพมูลนิธิต้องเร่งระดมกำลังกว่า 20 นายใช้เครี่องตัดถ่างนำร่างทั้งผู้ได้รับเจ็บ และคนตายส่ง รพ.แบบทุลักทุเล รพ.ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาแบบไม่ขาดเม็ด เบื้องต้นตำรวจคาดประมาท ถนนลื่น ขับรถเร็วฝ่าสายฝน
รายแรกเกิดขึ้นเวลา 10.30 น.ของตอนสายวันที่ 9 ต.ค.63 ร.ต.อ.อำนาจ กลั่นบุศย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรีได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนสายพนมทวน-กำแพงแสน หน้าปั้มน้ำมันพีที.หมู่ 2 บ้านอุโลกสี่หมื่น ต.พระแท่นฯ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 รายติดภายใน หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพขุนรัตนาวุธ)กาญจนบุรี กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือนำเครื่องตัดถ่างนำร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้สีบอรนท์เงิน หมายเลขทะเบียน บน-6968 สระบุรี ซึ่งบรรทุกข้าวโพดมาเต็มหลังกระบะท้าย ที่จอดอยู่ในสภาพพังเสียหาย เพื่อนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาจากซากรถ
สอบสวนทราบชื่อนายนพรัตน์ หอนาค อายุ 24 ปี และนางศิริ ซิบเข อายุ 70 ปี ที่ร่างติดภายในรถยนต์กระบะอีกคันยี่ห้ออีซูซุสีขาว หมายเลขทะเบียน กจ-6141 ปทุมธานี เพื่อนำตัวส่ง รพ.มะการักษ์ เนื่องจากอาการสาหัส
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ซึ่งบรรทุกข้าวโพดมาเต็มกระบะท้ายได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก 10 ล้อไม่ทราบสีและยี่ห้อแล้วเสียหลักไปพุ่งชนกับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แล้วหลบหนี ระหว่างที่รถบรรทุก10 ล้อขับหลบหนียังไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าบีโอ้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กต-6141 ปทุมธานี ที่จอดอยู่ริมถนนจนพังเสียหายไปอีก 1 คันโชคดีไม่มีคนนั่งอยู่ในรถ จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่ ร.ต.อ.อำนาจ กลั่นบุศย์ ร้อยเวร กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่าเกิดอุบัติเหตุอีก 1 รายเป็นรถยนต์กระบะชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดภายใน
เหตุเกิดบนถนนสายท่าเรือ-พระแท่นฯ หมู่ 6 ต.ตะคร้ำเอนใกล้เคียงโครงการทางด่วนมอเตอร์เวย์รางกระต่าย จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ กำลังใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายและผู้เสียชีวิต 1 รายออกมาจากซากรถนำส่ง รพ.ฯ
จากนั้นจึงประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ ให้มาร่วมชันสูตรทราบชื่อผู้เสียชีวิตชื่อนายอนุชา วันลา อายุ 32 ปีอยู่บ้านเลขที่ 401/7 หมู่ 1 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายทราบชื่อรายแรกชื่อนายสถิตย์ วันลา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเดียวกันกับนายอนุชาผู้ตาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่ 2 ชื่อ นส.ณิชาภัทร์ โพธิ์ศรีทอง อายุ 36 ปี ไม่ทราบที่อยู่
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อยี่ห้ออีซูซุสีขาว-เขียว หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 82-1957 กาญจนบุรี ส่วนตัวลูกหมายเลขทะเบียน 81-8364 กาญจนบรี ซึ่งจอดรถอยู่ริมถนนเพื่อขนถ่ายปุ๋ยส่งร้านจำหน่ายปุ๋ยและสินค้าทางการเกษตรอยู่นั้น อยู่ๆ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไมตี้สีบอรนท์เเงิน หมายเลขทะเบียน พ-0209 กาญจนบุรี วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ได้เสียหลักหมุนคว้างหลายตลบพุ่งเข้าชนท้ายรถลูกพ่วง ที่จอดอยู่อย่างจัง จนเป็นเหตุให้นายอนุชา วันลา ซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิตทันที ส่วนนายสถิตย์ วันลา และ นส.ณิชาภัทร์ นั่งโดยสารมาในรถร่างถูกอัดก็อปปี้จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนเพื่อหาสาเหตที่แท้จริง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานสาเหตุของอุบัติเหตุทั้ง 2 รายครั้งนึ้ น่าจะเกิดจากความประมาทขับรถเร็วท่ามกลางฝนตกหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายแรกเกิดขึ้นเวลา 10.30 น.ของตอนสายวันที่ 9 ต.ค.63 ร.ต.อ.อำนาจ กลั่นบุศย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรีได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนสายพนมทวน-กำแพงแสน หน้าปั้มน้ำมันพีที.หมู่ 2 บ้านอุโลกสี่หมื่น ต.พระแท่นฯ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 รายติดภายใน หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพขุนรัตนาวุธ)กาญจนบุรี กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือนำเครื่องตัดถ่างนำร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้สีบอรนท์เงิน หมายเลขทะเบียน บน-6968 สระบุรี ซึ่งบรรทุกข้าวโพดมาเต็มหลังกระบะท้าย ที่จอดอยู่ในสภาพพังเสียหาย เพื่อนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาจากซากรถ
สอบสวนทราบชื่อนายนพรัตน์ หอนาค อายุ 24 ปี และนางศิริ ซิบเข อายุ 70 ปี ที่ร่างติดภายในรถยนต์กระบะอีกคันยี่ห้ออีซูซุสีขาว หมายเลขทะเบียน กจ-6141 ปทุมธานี เพื่อนำตัวส่ง รพ.มะการักษ์ เนื่องจากอาการสาหัส
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ซึ่งบรรทุกข้าวโพดมาเต็มกระบะท้ายได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถบรรทุก 10 ล้อไม่ทราบสีและยี่ห้อแล้วเสียหลักไปพุ่งชนกับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แล้วหลบหนี ระหว่างที่รถบรรทุก10 ล้อขับหลบหนียังไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าบีโอ้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กต-6141 ปทุมธานี ที่จอดอยู่ริมถนนจนพังเสียหายไปอีก 1 คันโชคดีไม่มีคนนั่งอยู่ในรถ จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะหลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่ ร.ต.อ.อำนาจ กลั่นบุศย์ ร้อยเวร กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้น ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ว่าเกิดอุบัติเหตุอีก 1 รายเป็นรถยนต์กระบะชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดภายใน
เหตุเกิดบนถนนสายท่าเรือ-พระแท่นฯ หมู่ 6 ต.ตะคร้ำเอนใกล้เคียงโครงการทางด่วนมอเตอร์เวย์รางกระต่าย จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ กำลังใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายและผู้เสียชีวิต 1 รายออกมาจากซากรถนำส่ง รพ.ฯ
จากนั้นจึงประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ ให้มาร่วมชันสูตรทราบชื่อผู้เสียชีวิตชื่อนายอนุชา วันลา อายุ 32 ปีอยู่บ้านเลขที่ 401/7 หมู่ 1 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายทราบชื่อรายแรกชื่อนายสถิตย์ วันลา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเดียวกันกับนายอนุชาผู้ตาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บรายที่ 2 ชื่อ นส.ณิชาภัทร์ โพธิ์ศรีทอง อายุ 36 ปี ไม่ทราบที่อยู่
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อยี่ห้ออีซูซุสีขาว-เขียว หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 82-1957 กาญจนบุรี ส่วนตัวลูกหมายเลขทะเบียน 81-8364 กาญจนบรี ซึ่งจอดรถอยู่ริมถนนเพื่อขนถ่ายปุ๋ยส่งร้านจำหน่ายปุ๋ยและสินค้าทางการเกษตรอยู่นั้น อยู่ๆ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไมตี้สีบอรนท์เเงิน หมายเลขทะเบียน พ-0209 กาญจนบุรี วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ได้เสียหลักหมุนคว้างหลายตลบพุ่งเข้าชนท้ายรถลูกพ่วง ที่จอดอยู่อย่างจัง จนเป็นเหตุให้นายอนุชา วันลา ซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิตทันที ส่วนนายสถิตย์ วันลา และ นส.ณิชาภัทร์ นั่งโดยสารมาในรถร่างถูกอัดก็อปปี้จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนเพื่อหาสาเหตที่แท้จริง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานสาเหตุของอุบัติเหตุทั้ง 2 รายครั้งนึ้ น่าจะเกิดจากความประมาทขับรถเร็วท่ามกลางฝนตกหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป