“บิ๊กตู่” ย้ำการทำงานต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่จะจัดสรรงบให้เฉพาะคนที่รักหรือผ่านประชามติเท่านั้น “ส่งสัญญาณ” พร้อมบริหารงานต่อ แต่ขออยู่ด้วยกลไกประชาธิปไตย ให้สง่างาม “ขวย” สื่ออย่าไปเขียนว่าเปิดตัวแล้ว ยัวะ ถูกใส่ไฟรัฐบาลรีดเงินภาษีประชาชน แค่จัดระบบเพื่อความเป็นธรรม จัดการพวกหนีภาษี ยันไม่ทำคนจนเดือดร้อนแน่ เมื่อเวลา 09.30น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 พร้อมกล่าวตอนหนึ่ง ว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับรางวัล ที่ผ่านมาการบริหารจัดการองค์กรอาจมีปัญหา ก็มีการปรับแก้โดยเฉพาะในเรื่องของการบูรณาการ การใช้จ่ายของรัฐให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งรัฐบาล หน่วยงานที่จัดสรรงบประมาณ ผู้ใช้จ่ายงบประมาณ หน่วยตรวจสอบทั้งหมด ถือว่าเป็นเครื่องจักรสำคัญของประเทศ กระทรวงการคลังก็ต้องเป็นหลัก เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องการให้ผลงานปรากฏเป็นแท่งเพราะเป็นงานตามฟังก์ชั่นปกติในหน้าที่ แต่ทั้งหมดต้องจัดเป็นกลุ่มงาน เป็นกิจกรรม เพราะทุกๆรัฐบาลต้องมีการใช้จ่ายงบประมาณที่เหมาะสม ภายใต้การปฏิรูปประเทศหรือการทำยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้นการใช้จ่ายงบประมาณต้องมีความสอดคล้องตั้งแต่วันนี้ นายกฯกล่าวว่า ต้องมองว่าอนาคตเราจะอยู่กันอย่างไร ถ้ามองแต่ประชาธิปไตยตามที่มีการเรียกร้องอยู่ทุกวันนี้ มันจะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย เพราะทุกอย่างต้องการความเป็นอิสระ อย่าลืมว่าระบบราชการจะให้มีความเป็นอิสระทั้งหมดไม่ได้ ต้องทำงานภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ รัฐบาลวางรากฐานการพัฒนาประเทศภายใต้หลักการมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมทั้งตน ประชาชน ข้าราชการทุกหน่วยงาน องค์กรอิสระ องค์กรมหาชน เอ็นจีโอ ประชาสังคม ไม่เช่นนั้นการทำงานก็จะเป็นชิ้นๆ ทำงานตามหน้าที่ก็จะเกิดการคัดค้านไปไหนไม่ได้ การพัฒนาก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจ และขอร้องหน่วยงานที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐว่าทำงานของท่านตามอิสระได้ แต่อย่าทำให้ประเทศถอยหลัง ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้างโดยคงความสมดุลให้ได้ระหว่างสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเดินนโยบายเศรษฐกิจโดยรวม จะต้องทำให้เกิดเสถียรภาพและเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง บูรณาการให้สอดคล้องทางด้านการเงินและการคลังโดยมี รมว.คลัง กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล เป็นฟั่นเฟืองใหญ่สำคัญในเครื่องยนต์ของรัฐบาล เริ่มจากกระทรวง และท้องถิ่น จะต้องมีการจัดระบบกลไกการตรวจสอบ ไม่ให้เกิดการใช้จ่ายที่สูญเปล่า ซ้ำซ้อน หรือไม่เกิดประสิทธิภาพ "ต้องไม่ใช่การจัดสรรงบประมาณลงไปเฉพาะพื้นที่ เราต้องดูแลคนทั้ง 70 ล้านคน ต้องคิดอย่างที่ผมคิดแม้จะไม่ง่ายนักแต่ก็ไม่ยากถ้าเราจะช่วยกัน ผมทำงานคนเดียวไม่ได้ การดูแลคนทั้ง 70 ล้าน ไม่ใช่ดูตามคะแนนเสียง ใครรักผมและผมจะให้ง่ายๆ ใครผ่านประชามติแล้วผมจะทำให้ มันไม่ใช่ ยิ่งไม่ผ่านผมก็ยิ่งต้องให้ เกลียดผมๆก็ต้องทำ ขอเพียงอย่าเกลียดประเทศของตัวเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกฯ กล่าวว่า การสร้างความเข้มแข็งด้านการเงินการคลังนั้น ที่ผ่านมามีทั้งการให้รางวัล การตรวจสอบ ประเมินผลและการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนไม่ต้องการให้ข้าราชการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมากนัก ทุกคนต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน รัฐบาลมีหน้าที่กำหนดนโยบาย หาวิธีการทำงบประมาณ ทำกฎหมายใหม่ ทำให้องค์กรมีความโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ข้าราชการระดับผู้ใหญ่ ระดับล่าง ต้องถือว่าองค์กรเป็นของทุกคน วันนี้สิ่งที่ยังช้าอยู่มากสำหรับประเทศไทยคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ “ปัญหาที่ผ่านมาอยู่ที่การปฏิบัติ ซึ่งผมไม่ได้โทษว่าใครบกพร่อง ทุกคนต้องต่อเนื่องเชื่อมโยงการทำงานให้ได้ ตั้งแต่ระดับบนและข้างล่าง ร่วมทุกข์ร่วมสุขในองค์กรและประชาชนทั้งประเทศ ที่สำคัญจะต้องมีการพัฒนาตัวเอง ความจริงทุกคนควรได้รับรางวัลเรื่องความรับผิดทางละเมิดด้านการตรวจสอบภายในต้องผ่านทั้งหมด ไม่ใช่มีคดีความเต็มไปหมด ไปๆมาๆก็กลับมาด่าผมว่ารังแกคน รังแกฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ถามว่าใครมันทำ และทำสมัยไหน ผมก็ต้องมาแก้ทุกเรื่อง ขอให้เข้าใจด้วยว่าผมไม่ได้รังแกใครทั้งสิ้น ก็คนทำผิดมันอยู่ข้างเดียวกันตลอด แล้วจะมาบอกว่าผมรังแกได้อย่างไร กฎหมายเลือกไม่ได้ ใครที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ใครไม่ยอมออกมาต่อสู้ก็มากล่าวหาว่าผมไปรังแกเขา แล้วทำไมไม่เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน ไปไหนก็กลับมา ผมไม่ได้ว่าใครนะ” นายกฯ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้การบริหารจัดการภายในถือว่าดีขึ้น แม้ปีแรกอาจสับสนไปบ้าง เพราะตนเข้ามาบริหารประเทศแบบนี้จึงไม่คุ้นกับการทำงาน ถึงวันนี้คุ้นแล้วหรือจำเป็นก็หาทราบได้ ก็ขอให้ทนกับตนไปสักระยะแล้วกัน ขอให้ทุกคนช่วยกันทำสิ่งใหม่ๆ สิ่งเก่าๆก็ต้องแก้ไข โดยมองประเทศให้เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญ คนที่เป็นข้าราชการก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในฐานะที่เป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินเดือนน้อยก็จะทำอย่างไรได้เพราะเลือกมาแล้ว ตนก็ได้แค่ตามสิทธิ์ เริ่มแรกการทำงานได้เงินเดือน 1,950 บาท อยู่มาถึงวันนี้ได้เงินเดือนนายกรัฐมนตรี 75,000 บาท ตามกฎหมาย “แต่ต่อให้งานหนักกว่านี้ไม่ได้เงินเดือนผมก็จะอยู่ แต่อยู่ด้วยกลไกประชาธิปไตย ให้สง่างาม แต่จะมาอย่างไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน พอพูดอย่างนี้เดี๋ยวสื่อก็จะไปบอกแล้วว่าเปิดตัว ไม่รู้จะเปิดอะไรกันนักหนา เปิดตัว ปัด ฟุ้ง วันนี้เก็บภาษีเกินเป้าหมายในช่วง 10 เดือน แทนที่จะชม ก็บอกว่าเราโว ฟุ้ง อะไรของมันวะ ไอ้คนทำงานแทบตายควรจะชมบ้างเรื่องประสิทธิภาพการเก็บภาษี ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเรารีดภาษี สื่อเขียนอย่างนี้อย่าไปเขียนดีกว่า ยืนยันเจ้าหน้าที่เก็บตามกฎหมาย เป็นการพัฒนาระบบการเก็บภาษีซึ่งต้องเริ่มพัฒนา เก็บคนรวยก็ชอบ แต่พอเก็บคนหนีภาษีไม่ชอบ ต้องให้ความเป็นธรรมกันด้วย คนจนไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ไอ้พวกหนีภาษีนั่นแหละต้องเข้ามา รวมทั้งพวกที่จ่ายภาษีไม่ตรง อย่าไปเปิดโอกาสให้เขาทุจริต ผมประกาศไปแล้วว่าในปี 2559 บริษัทใดเสียภาษีไม่ครบ ผมจะสั่งให้ย้อนเก็บภาษีไป 5 ปี ไม่วาจะใหญ่หรือเล็ก ผมสงสารประเทศ ทำงานแทบตายไม่มีเงิน เพราะรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย เพราะรัฐบาลมีรายได้มาจากการจัดระบบการเก็บภาษี ไม่ใช่รีดภาษี ทำให้ระบบภาษีให้เป็นธรรม เพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย เราก็อยากจะช่วยเขา แต่จะเอาเงินที่ไหนไปช่วยเขา ซัดดาวดินค้านทุกเรื่อง ยันอยู่ตามโรดแม็ป เดือดเจออาจารย์เหน็บแก้ปัญหาผักตบ ไม่พัฒนาเรื่องอื่น บอกวันหน้าให้เตี่ยมันทำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ให้อะไรไม่ได้เลย เพราะทุกคนเอาหมด เกษตรกรกี่กลุ่ม ไปลงพื้นที่มาขอราคาข้าวมากขึ้น ก็มันขายได้เท่านี้ กลไกตลาดมันเป็นอย่างนี้ เราสู้เต็มที่แล้ว แต่ต้องมาคิดว่า ถ้าไม่ได้กำไร แล้วจะไปปลูกอะไรแทน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ปลูกข้าวไม่ได้ อีกหน่อยก็ไม่มีกิน เราต้องพัฒนาทั้งระบบ ไม่ใช่ใครมาลงทุนแล้วไปไล่เขา ต้องไปตรวจสอบนอมินีผิดกฎหมาย การเอื้อประโยชน์ให้ถูกต้อง หากตัวเองไม่พัฒนาตัวเอง แล้วไปจำกัดคนอื่นเขา ประเทศก็ไม่มีรายได้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาประเทศ ที่ตนพูดวันนี้ ต้องการสื่อไปถึงคนอื่นให้เข้าใจ รัฐบาลไม่มีวัตถุประสงค์ไปเร่งรัดหรือรีดภาษีกับใคร ทำให้ถูกต้อง รัฐบาลทำให้แต่ไม่สนใจกัน เพราะไม่ใช่เรื่องตัวเอง ซึ่งทั้งหมดเราต้องสร้างให้องคาพยพของประเทศ ที่ประกอบด้วยแผนดิน และประชาชนที่มีคุณภาพ นายกฯกล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ก็ค้านไปทุกเรื่อง พอน้ำท่วม ฝนแล้ง ก็โวยวาย รัฐบาลทำระบบส่งน้ำก็ไม่ได้ บอกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มันมีช่องทาง วิธีการที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เห็นหลายคนไปให้ข่าวให้กับสื่อว่า หน้าที่มนุษยชนและหน้าที่รักษาทรัพยากรธรรมชาติ เป็นพันธสัญญาโลก แล้วประเทศไทยเป็นอะไรกับเขา คนเหล่านนี้เกิดในประเทศไทยไหม ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลคนไทยอื่นๆด้วยหรือไม่ ขอให้คิดแบบนี้ อย่าคิดทำงานแต่ของตัวเอง ไม่ใช่เอาเงินจากต่างประเทศมาทำงาน แล้วก็ต้องตอบแทนเขา แล้วแผ่นดินนี้ล่ะ ตนก็ไม่อยากทะเลาะด้วย รำคาญ ขวางมันทุกเรื่อง เวลาเสียหายไม่เห็นมีใครออกมา ที่ผ่านมาไปอยู่ไหนมา ก่อน 2 ปีแล้ว ไปอยู่ไหนมา ไอ้หน่วยงานพวกนี้ "จะดาวแดง ดาวดิน ดาวบ้าบอคอแตกอะไร อยู่ไหน วันนี้พยายามทำมันก็ออกมาค้านอยู่นั้นแหละ ประชาธิปไตยสำคัญที่สุดในโลกอยู่แล้วแหละ เพราะเราเป็นโลกประชาธิปไตย จะไปเป็นอย่างอื่นไหมล่ะ ก็เป็นไม่ได้อีก แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังปรับเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย ก็ยังต่อต้านกันเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าถามว่าแต่ก่อนเป็นอย่างไร ก็บอกว่าดี คดีความที่ออกมาเดี๋ยวจะทำให้ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการ"นายกฯกล่าว นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องจำนำข้าวตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปก็ต้องสอบไปตามนั้น ผมก็บอกว่าคณะทำงานนี้มีหน้าที่หาหลักฐานต่างๆ แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องของศาล ซึ่งคณะกรรมการต้องทำให้เร็วให้ทันตามห่วงเวลาของกฎหมาย พอเขาเขียนสรุปมา สื่อก็เอาไปตี นายกฯสั่งว่าให้เร่งดำเนินการตรวจสอบ โดยไม่สนใจกระบวนการยุติธรรม "ผมจะพูดแบบนี้ได้ไหม ผมเป็นคนเอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วจะไม่สนใจกฎหมายได้อย่างไร เพราะหน้าที่ในการตัดสิน ไม่ใช่คณะกรรมการ เขามีหน้าที่แค่รวบรวมความเสียหาย แล้วส่งให้ศาลพิจารณา ความหมายของผมคืออย่างนั้น แค่นี้ก็มีคนเอาไปบิดเบือน" เพราะคณะกรรมการเขียนคำสรุปมาให้สั้นลง ซึ่งไม่มีความอธิบาย ก็มีคนฉวยโอกาสทุกเรื่องไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากฝากทุกคนสร้างความเข้าใจ ให้เกิดการยอมรับ ความเชื่อถือ และสร้างศรัทธาของประชาชนต่อพวกเราให้ได้ ไม่ต้องมาสร้างให้กับตน สำหรับตนช่างเถอะ เพราะตนเข้ามา จะดีไม่ดีอย่างไร ก็เข้ามาแล้ว ไม่มีใครเขาเชิญตนเข้ามาสักหน่อย ตนเข้ามาแล้วเชิญตนออกตอนนี้ก็ไม่ออก เพราะไม่ได้เชิญตนเข้ามา จะออกตามเวลาที่มีอยู่ แล้วไปว่ากันใหม่ ตนต้องการความร่วมมือ ไม่ได้ต้องการการต่อต้าน เมื่อเช้าพยายามไม่โมโห เพราะมีอาจารย์มหาวิทยาลัยมาบอกว่า นายกรัฐมนตรีมายุ่งอะไรกับผักตบชวา ไม่เห็นพัฒนาเรื่องอะไรเลย ไม่เคยฟังหรือไง ผมทำมันทุกอย่าง เขาบอกว่าเป็นนายกฯ ที่ไปใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ วันหน้าก็เอาผักตบมาผัดกินแทนผักบุ้งสิ ให้เตี่ยมันไปทำก็แล้วกัน พูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ แก่จะตายอยู่แล้ว พูดแบบนี้มาจะ 20 ปีอยู่แล้ว ตั้งแต่ตนเด็กๆ มันก็พูดแบบนี้ ปากก็เป็นแบบนี้ แล้วอาจารย์แบบนี้จะสร้างประเทศได้อย่างไร เอาคนออกนอกกรอบ คิดนอกกรอบหมดก็ไม่ต้องมีประเทศ ไปตั้งอิสระโน้น ต่างคนต่างตีกัน มีกำลังของตัวเองก็ว่ากันไปสิ อย่างที่ผ่านมา"นายกฯกล่าว บอกอย่าหวังคิดเสี้ยมทะเลาะพี่ใหญ่ ชาตินี้ ชาติหน้าไม่มีทะเลาะ ปมแต่งตั้งผบ.เหล่าทัพ ชี้นั่งตำแหน่งไหนศักดิ์ศรีเท่ากัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ และอย่าคิดถึงตัวเอง ตนโตถึงวันนี้ก็ไม่เคยคิดถึงตัวเอง ว่าจะเป็นอะไร จะได้อะไร ไม่เคยคิดทำงานอย่างเดียว แล้วเดี๋ยวก็ได้เป็นทุกอย่างเอง ผู้บังคับบัญชาเขาก็เลือกเองไม่ต้องไปเอาใจใครมากนัก ไม่ใช่เอาแต่พูด ดีครับผม เหมาะสมครับนาย ใช่ครับพี่ ไอ้พวกนี้ต้องย้ายไปไกลๆ ไม่ใช่ของจริง พอหมดอำนาจวาสนาก็ไปหมด วันหน้ามันก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว ที่เขาเคารพ เขาฟังวันนี้เพราะตำแหน่ง ตนมีหัวโขนนายกฯ เขาก็ต้องฟังตน จะไม่ฟังได้ไหมล่ะ ถ้าเมื่อไหร่ไม่ได้เป็นนายกฯเขาก็ไม่ฟังตน ไปไหนเขาก็ไม่รับ คิดถึงวันหน้า มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ จะได้ไม่ทะเลาะกัน แล้วอย่าคิดว่า สิ่งที่พูดวันนี้เพราะตนผ่านมาแล้ว ตนเป็นแล้วไม่ใช่ เพราะตนไม่คิดว่าตนจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นผบ.ทบ.หรืออะไรก็ตาม ตนก็ขึ้นมาตามลำดับของตน ถ้าตนทำงานห่วยก็ไม่ภูมิใจหรอก ใครจะตั้งตนขึ้นมา ฉะนั้น ทุกคนต้องทำสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น นำมาพัฒนาและอยู่ในกรอบ กติกา คิดนอกกรอบได้ แต่ก็ต้องนำมาอยู่ในกรอบ ทำให้ถูก และไม่ต้องมาพูดเอาใจ ถ้าทำห่วยจริง 2 ปีที่ผ่านมาช่วยกันมาตลอดอยู่แล้ว และจะช่วยกันทำส่งต่อให้รัฐบาลต่อไปอย่างไร ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง มันมีกลไกของมันอยู่ อย่ามาระแวงกันหนักหนา ไประแวงคนที่ทำให้เสียหาย เวลานี้ออกกฎหมายหลายๆอย่าง เพื่อป้องกันความขัดแย้ง ไม่ให้มาทะเลากันที่หลัง วันนี้มันเละไปหมด รื้ออะไรเจอหมด อย่างเรื่องที่ดิน การทุจริต มีคดีรออยู่ไปหมด ตนก็สื่อสารข้าราชการระดับล่าง ซี 3 ซี 4 ซี 5 โดนหมด แล้วจะให้ตนทำยังไง นั้นคือสิ่งที่ตนเป็นห่วง ท่านต้องดูแลลูกน้องให้ดี อย่าไปคิดว่าทุกคนแล้วต้องรวย มันไม่จำเป็น อย่าให้คนบ่นด่าเวลาไปแล้ว นายกฯกล่าวว่า ตนเครียด พูดไปก็โมโหขึ้นเรื่อยๆ ต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ต้องตื่นตัวเองเสมอ นี้เตือนแล้วยังโมโหทุกเช้าเลย ก่อนนอน ก่อนมาทำงานก็เตือนทุกครั้ง พอก้าวออกจากบ้านก็โมโหทันที พอหยิบหนังสือพิมพ์เปิดดูเอาอีกแล้ว สืบอำนาจ แต่งตั้นผบ.เหล่าทัพ มันก็เรื่องของเขา เกี่ยวอะไรด้วย เขาตั้งใครเป็นผบ.ทบ.มันเรื่องของเขา แล้วไอ้คนที่ไม่ได้เป็นผบ.ทบ.มันไม่มีศักดิ์ศรีหรืออย่างไร รองผบ.ทบ.ก็เป็นจอมพล เพราะฉะนั้นจะมาแย่งกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นพื้นฐาน ต้องเข้าใจเขา "มันทะเลาะกันไม่ได้ อย่าเอาผมไปทะเลาะกับรองนายกฯหรือใคร บอกไว้เลยชาตินี้ ชาติหน้า ถ้าเจอกันก็ไม่ทะเลาะ ไม่ต้องมาหวังให้ผมทะเลาะกัน เพราะผมรักทุกคน มีอะไรทุกคนให้เกียรติผมเสมอ ไม่ว่าจะพี่ จะน้อง จะเพื่อน เพราะผมสวมหัวโขน ทุกคนสวมหัวโขนหมด เพื่อที่จะทำงานให้ประเทศ วันหน้าจะได้เดินยืดอกได้ วันหน้าจะได้ภาคภูมิใจว่าได้ทำอะไรไปบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว