เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพาณิชย์ และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า( อคส.)กับบริษัทเอกชน มูลค่า 112,500 ล้านบาท ว่า ผู้แทน อคส. ชี้แจงว่าได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมีความเห็นว่านิติกรรมการซื้อขายที่เกิดขึ้น อาจเป็นการกระทำที่เกินอำนาจของ อคส. ผิดระเบียบของ อคส. และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องดับสัญญาดังกล่าว จึงอาจเป็นโมฆะ  ดังนั้นมติของคณะกรรมการ จึงให้ระงับนิติกรรมการซื้อขายทั้งหมด โดยผู้อำนวยการ อคส.คนปัจจุบันได้ไปแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวแล้ว  และส่งเรื่องนี้ไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน(ปปง.)และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ.) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ทั้งนี้เมื่อดีเอสไอ ชี้มูลข้อเท็จจริงแล้วจะรายงานผลมายังกมธ.ต่อไป ทั้งนี้ในการประชุมกมธ.ในวันที่ 14 ต.ค. จะเชิญดีเอสไอ ปปง.และอคส.มาชี้แจงอีกครั้ง นายอัครเดช กล่าวว่า กมธ.ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ คือ 1.การเบิกจ่ายเงิยตามสัญญาซื้อขายถุงมือยางจะต้องกระทำผ่านคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นในเรื่องนี้คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างอาจมีความผิด 2.จำนวนถุงมือยางที่ซื้อขายกันจำนวนมากนั้นในความเป็นจริงมีจำนวนตามที่ระบุไว้หรือไม่ 3.ขอให้ อคส. รีบดำเนินการตรวจสอบว่าจำนวนเงินที่ทำการโอนไปแล้วตามสัญญาซื้อขายขณะนี้อยู่ที่ไหน และ 4. ขอให้อคส.แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อให้ทราบถึงมติของคณะกรรมการตรวจสอบที่ให้ระงับการซื้อขายถึงมืออยางทั้งหมด ทั้งนี้ทางผู้ชี้แจงจาก อคส. แจ้งว่าทางรมว.พาณิชย์ ได้เร่งให้ ผอ.อคส.คนใหม่ ดำเนินคดีเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว เพื่อที่จะเยียวยาให้ อคส.เสียหายน้อยที่สุด