หลังจากศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษา นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อตกราบรถกู ดารานักแสดง กับนายวิทวัส ศรีบัณฑิตมงคล จำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย นายกิตติศักดิ์ สิงห์โต หรือ บอย พนักงานคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรตลิ่งชัน จำคุก 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี และให้การทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง คุมประพฤติ 1 ปี พร้อมรายงานตัวทุก 3 เดือน เป็นเวลา 4 ครั้ง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 ก.ค 60. ที่กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ชั้น 4 ศูนย์ราชการอาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต กราบรถ อายุ 28 ปี อดีตพิธีกรรายการชื่อดัง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เพื่อรายงานตัวและรับทราบเงื่อนไขการคุมประพฤติ และการทำงานบริการสังคม ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณรัชต์ เผยหลังคุยกับน็อตว่า หลังศาลตัดสินให้ นายอัครณัฐ ทำร้ายร่างกาย คู่กรณี จึงพิพากษาจำคุก 1 ปีแต่ให้รอลงอาญาเนื่องจากยังเมตตาและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โดยให้มารายงานตัวกับ กรมคุมประพฤติ ทั้งหมด 4 ครั้ง ทุก 3 เดือน และบริการสังคมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง วันนี้นายอัครณัฐเดินทางมาหารือกับเจ้าหน้าที่เพื่อวางแผนทำประโยชน์แก่สังคมตามเงื่อนไขและเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีสำหรับ นายอัครณัฐ เป็นบุคคลมีชื่อเสียง พูดจาสื่อสารได้ดีและเคยเป็นนักจัดรายการวิทยุ จึงอยากให้ช่วยพูดรณรงค์ประชาสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงบนท้องถนน "ระบบงานของกรมคุมประพฤติเป็นการแก้ไขลักษณะนิสัยประเภทหนึ่งที่ไม่ควบคุมตัวเพื่อให้โอกาสแก้ตัวใหม่แต่มีเงื่อนไขต้องมารายงานตัวตามกำหนด ซึ่งปกติการทำผิดอาญาจะลงโทษด้วยการจำคุกส่งตัวไปยังกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจฯ นอกจากนี้ ศาลไม่ได้กำชับอะไรมาเป็นพิเศษแต่ นายอัครณัฐ ต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายเพราะผิดเงื่อนไขและเจ้าหน้าที่จะรายงานไปยังศาล ซึ่งอาจมีโทษสั่งจำคุกได้"พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว ด้านนายอัครณัฐ กล่าวภายหลังการเข้ารายงานตัวว่า ในวันนี้มาพูดคุยกับอธิบดีกรมคุมประพฤติในเรื่องการถูกคุมประพฤติว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้างเป็นการดูแลผู้ที่กระทำผิดอย่างตน ซึ่งถือว่าเป็นการภาคทัณฑ์ พร้อมทั้งพูดถึงเรื่องความสามารถของตนว่าเราสามารถจะทำประโยชน์อะไรให้สังคมได้บ้าง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันและจะออกมาเป็นโครงการร่วมกันในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเป็นตัวอย่างให้กับสังคมทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ซึ่งตนเคยกระทำผิดเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ ดังนั้น อนาคตตนคิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างและต้องขอบคุณอธิบดีกรมคุมประพฤติที่เล็งเห็นว่าตนมีความสามารถและเป็นประโยชน์ให้กับสังคมได้ ทั้งนี้ ตนอยากฝากถึงประชาชนหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ขอให้ใช้สติ ใจเย็น และค่อยๆพูดกัน "หลังศาลมีคำสั่งให้รอลงอาญา ตนรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยศาลท่านก็เมตตาให้ตนได้มาทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยโครงการที่จะดำเนินการนั้น คาดว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยอาจจะออกมาในรูปแบบของโทรทัศน์หรือออนไลน์ หรือสาธารณประโยชน์ต่างๆ ส่วนกรณีที่แม่ของคู่กรณีออกมาให้สัมภาษณ์กรณีคดีแพ่งนั้น ว่าต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าซ่อมรถอีก 20,000 บาทนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องของเงินประกันเป็นส่วนของทางบริษัทประกันกับทางคู่กรณีมากกว่า ทางตนได้แจ้งประกันไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่มีคู่กรณี คาดบริษัทประกันไปพูดคุยกับคู่กรณีมากกว่า ทั้งนี้ สำหรับงานในวงการบันเทิงนั้น เริ่มมีผู้ใหญ่ที่ใจดีและคอยให้กำลังใจตนมาตลอดเริ่มติดต่อมาบ้างแล้ว โดยไม่ใช่ต้นสังกัดเดิม" นายอัครณัฐ กล่าว