ฤทธิ์เหลือร้าย จนหลายประเทศในภูมิภาคยุโรป ต้องนำมาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ กลับมาใช้ใหม่ กันอีกหน สำหรับ เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่หวนมาแผลงฤทธิ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคยุโรป ณ ชั่วโมงนี้ ภายหลังจากเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์กันไป ในช่วงฤดูร้อน หรือซัมเมอร์ (Summer) เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ บรรเทาเบาบางลงไป อันอาจจะเนื่องด้วยสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น จนมีผลต่อเชื้อไวรัสไม่ให้สำแดงเดชอย่างง่ายๆ เหมือนในช่วงอากาศเย็น ทว่า ปรากฏว่า พลันที่ฤดูร้อน ประจำปี 2020 (พ.ศ. 2563) โบกมืออำลาบรรดาประเทศในซีกโลกเหนือ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. เป็นต้นมา (ฤดูร้อนในกลุ่มประเทศที่อยู่ซีกโลกเหนือ เช่น ยุโรป อยู่ระหว่างวันที่ 21 มิ.ย. - 21 ก.ย.ของทุกปี) ก็ส่งผลให้เชื้อไวรัสโควิดฯ เริ่มมีพิษสงมากขึ้น กอปรกับนานาประเทศในยุโรปภูมิภาคนั้น ได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จึงส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ทะยานพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง และหลายประเทศก็ทุบสถิติรายวัน หรือรอบ 24 ชั่วโมง กันเลยทีเดียว โดยประเทศในภูมิภาคยุโรป ที่กำลังถูกไวรัสโควิดฯ พ่นพิษเอาอย่างหนัก ได้แก่ “อังกฤษ” เจ้าของฉายาว่า เมืองผู้ดี ซึ่งปรากฏว่า มีรายงานถึงผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิดฯ มีจำนวนมากที่สุดในทวีปยุโรป คือ 42,350 ราย เช่นเดียวกับ ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่แบบรายวัน หรือรอบ24 ชั่วโมง ก็ปรากฏว่า ทุบสถิติสูงสุดสำหรับตัวเลขเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยจำนวนที่มากถึง 12,872 ราย สำหรับการพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพียงวันเดียว ซึ่งตัวเลขข้างต้น ถือว่า มากเป็น 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเฉลี่ยของการผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ตลอดช่วง 7 วันก่อนหน้านั้น เรียกว่า ตัวเลขของผู้ป่วยรายใหม่ตลอด7 วันก่อนหน้านั้น ยังน้อยกว่าถึง 2 เท่า หากเปรียบเทียบกับช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว ถึงขนาดที่ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกมาแถลงอีกหนึ่งวันถัดมาว่า ฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือนอังกฤษช่วงปลายปีนี้ จะเป็นห้วงเวลาที่ยากลำบากของชาวอังกฤษ เช่นเดียกับ เทศกาลคริสต์มาส ที่ชาวอังกฤษต้องเผชิญกับความยากลำบากไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเทศกาลอันสำคัญดังกล่าวเช่นกัน ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิดฯ ในอังกฤษแล้ว มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวนทั้งสิ้นเกือบ 5 แสนราย มาเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตมากกว่า 4.2 หมื่นราย ส่งผลให้ทางการอังกฤษ รัฐบาลลอนดอน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ต้องขยับปรับเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์ให้เข้มงวดยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากหวนกลับมาบังคับใช้กันเมื่อไม่กี่เพลงไปก่อนหน้า ขณะที่ ประเทศฝรั่งเศส เจ้าของฉายา แดนน้ำหอม ก็เผชิญกับพิษภัยของไวรัสโควิดฯ อย่างรุนแรง จนทางสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุดในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศ หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นจำนวนมากในรอบไม่กี่วันเป็นต้นมา จนสถานการณ์น่าวิตกกังวง หลังเปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างผู้ป่วยติดเชื้อกับจำนวนประชากรในแต่ละช่วงอายุ ผลจากการประกาศเตือนภัยข้างต้น ก็จะทำให้สถานบันเทิงในเมืองหลวงของแดนน้ำหอม ต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามผลที่บังคับใช้ เป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา เป็นต้นไป ส่วนตามร้านอาหาร ภัตตาคารต่างๆ ก็กำหนดจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ เพื่อมิให้เกิดการแออัดมากเกินไป และลูกค้าผู้ใช้บริการ ต้องปฏิบัติตามระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวด เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การล้างมือ เป็นต้น โดยที่ฝรั่งเศส พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงของช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามากถึง 16,972 ราย ทำลายสถิติเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าที่ตัวเลข 16,096 ราย ส่งผลให้เมืองน้ำหอม มีจำนวนสะสมของผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ที่ 6.20 แสนราย มากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนกว่า 4.2 หมื่นราย ขณะเดียวกัน ทางด้านประเทศเยอรมนี ฉายาเมืองเบียร์ หรืออินทรีเหล็ก ก็ปรากฏว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นจำนวนมากในช่วงฤดูกาลเปลี่ยนผ่านสู่สภาพอากาศที่กำลังจะหนาวเย็นขึ้นด้วยเช่นกัน โดยพบที่จำนวนมากถึง 2,673 ราย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นจำนวนที่สูงที่สุดของประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นมา ส่งผลให้จำนวนสะสมของผู้ป่วยติดเชื้อในเยอรมนีมีจำนวนพุ่งทะลุกว่า 3 แสนราย มากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเกือบ 1 หมื่นราย ด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิดฯ ที่เยอรมนี เผชิญหน้า ก้ทำให้นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเยอรมนี เรียกประชุมผู้นำแว่นแคว้นต่างๆ 16 แห่ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อเตรียมมาตรการต่างๆ สำหรับรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยหนึ่งในมาตรการที่จะนำมาใช้นั้น ก็คือ การล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น ที่ชาวอินทรีเหล็ก ต้องประสบพบพาน จนต้องออกมาชุมนุมประท้วงกันอีก เช่นเดียวกับที่ “อิตาลี” ประเทศที่เคยเผชิญไวรัสโควิดฯ เล่นงานลำดับต้นๆ ของโลกก่อนหน้า ก็ได้พบกับสัญญาณอันตรายกันอีกครั้ง ด้วยจำนวนตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่รอบ 24 ชั่วโมงของสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนมากถึง 2,844 ราย ทำลายสถิติของประเทศเมื่อวันที่ 24 เม.ย.เป็นต้นมา ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวนมากกว่า 3.25 ราย มากเป็นอันดับที่ 18 ของโลก ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตมีจำนวนราว 3.6 หมื่นราย นอกจากบรรดามหาอำนาจยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป ที่ผจญภัยไวรัสโควิดฯ อย่างรุนแรงแล้ว ก็ยังมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยุโรป และยุโรปปตะวันออก ที่ต้องบอกว่าหนักหนาสาหัสเช่นกัน อาทิ โปแลนด์ ในยุโรปตะวันออก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงของช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มากเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนมากถึง 2,367 ราย มากกว่าตัวเลขของ3 วัน ก่อนหน้ารวมกันเสียอีก ทำให้โปแลนด์ มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมมากกว่า 1 แสนราย มากเป็นอันดับที่ 40 ของโลก ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตมีจำนวนเกือบ 2.7 พันราย โดยตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ที่หวนมาพุ่งทะยานทั้งอิตาลีและโปแลนด์ ก็ส่งสัญญาณว่า จะต้องขยับปรับมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดขึ้นอีกคำรบ