“บิ๊กตู่” ซัด พวกถูกปิดสถานี มาใช้โซเชียลด่าเสียหาย ไม่กลัวกฎหมาย ยัน แต่งตั้งทหาร ไม่ทะเลาะ “บิ๊กป้อม”รับเห็นต่างคุยกันก็จบ ชี้ จัดโผไม่ใช่เชียร์มวย ไม่สนพวกเชลียร์ เน้นผลงานสอดคล้องสถานการณ์ ปัดมาสืบทอดอำนาจ เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ถือดอกกุหลาบสีชมพู มาให้สื่อมวลชนดูพร้อมกับกล่าวว่า สีชมพูสวยดี สีชมพูเป็นสีแห่งอะไร เป็นสีแห่งความรัก จากนั้นได้ส่งดอกกุหลาบให้กับทีมรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ก่อนเริ่มให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้อย่าเอาตนไปทะเลาะกับคนอื่น เสียเวลาเปล่าๆพอพูดก็ไปตอบโต้ด่าตนเสียหายผ่านโซเชียลมีเดียทำไมคนเหล่านี้เขาไม่เกรงกลัวกฎหมายก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่บังอาจไปแอบด่าใคร แบบที่เขาด่าตน มีใครเขาด่ากันแบบนี้บ้าง มีหลายคนสื่อก็เห็นอยู่แล้ว ถูกปิดสถานีไปแล้วก็ยังด่าในโซเชียล ผ่านยูทูป นี่คือการหลีกเลี่ยงกฎหมายเพื่อทำให้บ้านเมืองเสียหาย สื่อควรจะไปไล่ล่าคนเหล่านั้นบ้าง อย่าไล่ล่าแต่ตนข้างเดียว เพราะกำลังทำสิ่งดีๆ แต่เขากำลังทำให้สิ่งเหล่านี้กลับไปที่เดิม “ผมถามว่าเป็นธรรมกับผมไหม เป็นธรรมกับคนไทย 70 ล้านคนไหม ที่เขารอความหวังรออนาคต แต่คนที่จะกลับไปสู่อดีต ความขัดแย้ง ละเมิดกฎหมาย สู่ผลประโยชน์ตัวเอง ทั้งหมดเหล่านี้สื่อลองเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักดูหน่อย ผมอยากสร้างการรับรู้แค่นี้ วันนี้ต้องขอบคุณ รัฐมนตรีที่ทำทุกอย่าง เชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้น วันนี้ทุกกระทรวงกำลังร่วมทำประวัติศาสตร์ ผมอยากให้สื่อร่วมกับรัฐบาลและคสช.ทำประวัติศาสตร์ประเทศไทยให้ได้ จะถือว่าสื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์อีก 20 ปีข้างหน้าร่วมกับผม ฉะนั้นถ้ามันไม่ดี เราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมอาจจะมากหน่อยเพราะเป็นผู้นำ แต่อย่ามาโยนให้ผมรับทั้งหมด โดยที่ทุกคนไม่รับอะไรเลย เอาแต่ดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องร่วมกันรับผิดชอบประเทศที่เสียหายมันจะกระทบกับท่านไม่เกี่ยวกับผม” นายกฯ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าการเข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ถือว่าได้กำลังใจเพิ่มจากเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังใจมีดีอยู่แล้ว ไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยเหนื่อย สำหรับองคมนตรี ตนได้กล่าวไปแล้ว และรู้ว่าท่านเป็นกำลังใจให้ตลอด ซึ่งตนเคารพท่านตลอดเวลาทุกคนในกองทัพก็เคารพ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร การแต่งตั้งก็เรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้ว ตนก็ไม่เคยทะเลาะกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม อันไหนที่คิดแล้วมีบางอย่างไม่ตรงกันก็คุยกัน เดี๋ยวก็ได้ข้อสรุป นี่เขาเรียกว่าทำงานด้วยกันได้ ไม่ใช่อะไรต้องข้างนี้ข้างนู้น แต่ต้องใช้เหตุผล และที่ผ่านมาไม่เห็นมีอะไรที่จะขัดแย้งกันมากมาย ก็เอาทุกคนมาใส่ตะกร้าแล้วกรองว่าสถานการณ์นี้ควรจะเป็นใครก็แค่นั้นเอง ได้ข้อสรุปมาเป็นไปตามคำสั่ง อย่าบอกว่าที่เหลือว่าเขาทำงานกันไม่ได้ ทะเลาะเบาะแว้งกัน นายกฯ กล่าวด้วยว่า บางครั้งเวลาเสนอ ก็มีการเชียร์คนนั้นคนนี้ การแต่งตั้งมันเชียร์เหมือนมวยไม่ได้ ถ้าเป็นตนใครที่เชียร์และเอาใจมากๆ จะไม่ให้ แต่จะดูการทำงานของคน ซึ่งบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารได้เซ็นไปแล้ว เพราะคุยกันจบนานแล้ว อยู่ในขั้นตอนการทำรายชื่อ ซึ่งผบ.เหล่าทัพ ลงนามรับผิดชอบการแต่งตั้งแล้ว ซึ่งตนได้เรียกมาชี้แจง ว่าทำไมเป็นคนนี้คนนั้นก็จบ เพราะทุกคนสามารถเป็นได้หมด เพียงแต่ต้องดูความอาวุโส ผลงาน ถ้าไม่มีผลงานจะขึ้นเป็น5เสือ 5 สิงห์ไม่ได้ เขามีผลงานทุกคน หากทุกคนเก่งเท่ากันต้องดูความเป็นรุ่นพี่ แต่ไม่ได้ดูว่าเหลือกี่ปีหรือจะสอดรับกับตนมันไม่เกี่ยว เขาโตมาอย่าไปทำลายอนาคตเขา ไปว่าจนเสียหายหมด เมื่อถามว่ารายชื่อแต่งตั้งเป็นไปตามที่เปิดเผยกับสื่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ได้ดูรายชื่อหน้าสื่อมานานแล้ว เพราะขี้เกียจดู เวลาเสนอมาชื่อไม่ตรงจะว่าไง ใครรับผิดชอบ ทำเขาผิดหวัง คิดถึงเขาบ้าง บางทีคนนี้ คนนั้นไม่ดี แต่หลักฐานไม่มี พูดมาทำให้เขาเสียหาย เขาแก้ตัวได้ไหม วันหลังเขาคงจะเล่นงานสื่อบ้าง เพราะตัวเขาและครอบครัวเสียหาย สำหรับคุณสมบัติของผบ.ทบ.คนใหม่ ไม่มีพิเศษ ถ้าตนเป็นผบ.ทบ.ต้องเป็นคนพิเศษหรือ มันไม่ใช่ คนที่จะเป็นต้องดูแลกองทัพให้ได้ “อำนาจมีไว้เพื่อดูแลกองทัพ ไม่ได้มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่คอยสนับสนุนรัฐบาล แต่เขาทำงานในหน้าที่ของเขา ซึ่งต้องสนับสนุนทุกรัฐบาลอยู่แล้ว ผมก็เคยทำ วันนี้ผมเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องสนับสนุนผม ใช้อำนาจให้ถูกต้องมันก็จบแค่นั้น ถ้าไปตั้งส่งเดชเรื่อยเปื่อยไม่ได้ และทุกคนเขาก็ดีเหมือนกันหมด จะเป็นพลเอก พลโท พลตรี นายพลก็คือนายพล จะมีกรุตรงไหนคนที่ไม่มีตำแหน่งเขาก็ตั้งเป็นคณะทำงานมีไม่รู้กี่คณะ ทำเหมือนสภาที่ตนตั้งไว้ 20-30 คณะ ในส่วนทหารเขาก็มีคณะทำงานดูแลงานต่างๆ ช่วยกันขับเคลื่อนนำมาสรุปงานใน 5เสือ และที่ประชุมผบ.ทบ.เขาทำงานกันเป็นระบบไม่ใช่เป็นตัวคน ทหารอยู่มาเป็นร้อยปีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงตีกันตายนานแล้ว ผมอยู่มา 4 ปีก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้ตั้งพวกนี้พวกนั้น แต่ตั้งทุกพวก แต่เราไปแบ่งแยกกันเองอย่าให้เขารู้สึกว่าถูกแบ่งแยก ท้ายที่สุดก็จะไม่ดีทั้งคู่ และจะดีกับประเทศชาติไหม รัฐบาลหน้ามาเขาก็ต้องมาปกครองบังคับบัญชาอยู่ดี หนีได้ที่ไหน ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมีอยู่ เขามีอำนาจมีสิทธิขาดดูแลสนับสนุนพัฒนากองทัพ ทำไมจะต้องมาตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ ผมไม่ได้อะไรสักอย่าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกฯ กล่าวอีกว่า ทุกอย่างมองเป็นการสืบทอดอำนาจหมด ทำไมไม่มองว่าสิ่งที่ทำวันนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรในวันข้างหน้าส.ว.จะทำหน้าที่อะไร รัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ทำอะไร บทเฉพาะกาลเขียนอย่างไร ให้ดูไส้ใน ดูแก่นก่อน อย่ามาดูกระพี้บอกตั้งกี่ทีแล้ว สนใจแต่กระพี้ข้างนอก แล้วก็ตีกันอยู่เรื่องนี้หาแก่นไม่เจอ ศาสนาเขายังมีแก่นศาสนาก็ดูพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ ไม่ใช่ฟังนู่นนี่แล้วมาทะเลาะกัน