สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ออกจากโรงพยาบาลกลับสู่ทำเนียบขาว ภายหลังจากเข้ารับการรักษาตัวจากโรคโควิด-19 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เป็นปัจจัยบวกต่อการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดหุ้น ให้ปรับเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์วอลสตรีท มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ปรากฏว่า ดัชนีอุตสาหกรรม “ดาวโจนส์” ปรับตัวเพิ่มขึ้น 465.83 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 1.68 ไปปิดที่ 28,148.64 จุด พร้อมกันนี้ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ซึ่งติดตามการซื้อขายตราสาร หุ้น ของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 60.19 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 1.80 ไปปิดที่ 3,408.63 จุด เช่นเดียวกับ ดัชนีแนสแด็ก การซื้อขายหุ้นเทคโนโลยี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 257.47 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 2.32 ไปปิดที่ 11,332.49 จุด ขณะเดียวกัน ทางด้านการซื้อขายหุ้นในบรรดาตลาดหลักทรัพย์ของภูมิภาคยุโรป ได้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการได้รับปัจจัยบวกกรณีประธานาธิบดีทรัมป์ ออกจากโรงพยาบาลเช่นกัน โดยการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปรากฏว่า ดัชนีฟุซซี100 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 40.82 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 0.69 ไปปิดที่ 5,942.94 จุด ทางด้าน การซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ในนครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ปรากฏว่า ดัชนีแด็กซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 139.27 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 1.10 ไปปิดที่ 12,828 จุด ด้านการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปรากฏว่า ดัชนีซีเอซี-40 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 46.99 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 0.97 ไปปิดที่ 4,871.87 จุด