เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 ก.ค. 60 พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น.ดูแลควบคุมงานด้านการจราจรได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. และ พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.1 บก.จร.ในฐานะผู้บังคับบัญชาตรงของ ด.ต.ธนพล ทองเรือง ผบ.หมู่งานสายตรวจ 3 กก.1 บก.จร. ซึ่งถูก นายรังสรรค หรือแด้ สุดโต อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดและมีหมายจับคดีพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตัว ใช้อาวุธปืนขนาด .380 ยิงใส่ที่หน้าท้องซีกขวากระสุนเฉี่ยวม้าม ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดจับกุมเด็กแว้นบริเวณใต้สะพานต่างระดับเอกชัย ถนนกาญจนาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าพระราม 2 เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เดินทางไปเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บที่ห้องไอซียู รพ.บางปะกอก 8 โดยมีนางวิไลลักษณ์ ทองเรือง อายุ 42 ปี ภรรยาพร้อมด้วยลูกๆ และญาติพี่น้องที่ทราบข่าว สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเฝ้าบริเวณหน้าห้องไอซียู.ตลอดทั้งวัน นางวิไลลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อคืนหลังจากที่สามีถูกยิงก็มีเพื่อนๆ ข้าราชการตำรวจโทรศัพท์มาบอกข่าว จากนั้นตนและลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก จึงรีบเดินทางมาจากบ้านพักย่านหนองแขม มาที่โรงพยาบาลทันที ที่ผ่านมาสามีไม่เคยต้องประสบอันตรายจากการจับกุมคนร้ายแบบนี้ โชคดีที่กระสุนของ นายรังสรรค ผู้ก่อเหตุซึ่งยิงใส่ไม่ได้ถูกอวัยวะสำคัญ ถ้าไม่เช่นนั้นตนต้องลำบากแน่ เนื่องจากสามีเป็นกำลังหลักของครอบครัว ส่วนตนเป็นแม่บ้านดูแลลูก อย่างไรก็ตามหลังจากนี้หากอาการทุเลาจนหายเป็นปกติแล้ว ตนและลูกๆ จะคอยย้ำเตือนให้สามีระมัดระวังตัวเองให้ดีขึ้นอย่าประมาท เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เกิดจากความหวังดีที่สามีอุตส่าห์เดินไปถามคนร้ายด้วยความห่วงใยว่า รถ จยย.เป็นอะไรทำไมต้องเข็นจูงขึ้นมาบนบาทวิถี แต่พอคนร้ายเห็นตำรวจก็ยิงใส่ทันทีในจังหวะที่สามีไม่ได้ทันระวังตัว ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาเยี่ยมเยียนผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อมประสานกับทาง รพ.บางปะกอก 8 ว่า จะนำตัว ด.ต.ธนพล ไปรับการรักษาต่อที่ รพ.ตำรวจ รู้สึกดีใจที่แพทย์ระบุว่าเจ้าตัวพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังต้องรอพักฟื้นบาดแผลให้หายดี ส่วนเรื่องความช่วยเหลือนั้นทางผู้บังคับบัญชาจะสนับสนุนเงินค่ารักษาในเบื้องต้นให้ทั้งหมด และได้ทำรายงานเสนอต่อ บช.น. และ สตช.ไปแล้วเพื่อพิจารณาขอรับความช่วยเหลือตามสิทธิที่ ด.ต.ธนพล พึงได้รับ เนื่องจากเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ ที่สำคัญยังมีส่วนให้ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายรายสำคัญได้อีกด้วย โดยประวัติของ นายรังสรรค ก็พบว่าไม่ธรรมดา กำลังหลบหนีหมายจับพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน หลังก่อเหตุยิงใส่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม ขณะเข้าจับกุมคดียาเสพติดมาครั้งหนึ่งเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น นายรังสรรค ยังเคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติดเข้าออกเรือนจำมาแล้วถึง 3 ครั้ง หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ก็จะแจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรหลังจากนี้ ตนได้กำชับให้ทุกนายระมัดระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น การเข้าสกัดหรือหยุดรถที่จุดสกัดตามท้องถนนจะต้องมีความเข้มข้นทางยุทธวิธีทุกภารกิจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่า คนร้ายไม่เกรงกลัวตำรวจหนำซ้ำพร้อมต่อสู้ได้ตลอดเวลา ส่วนเรื่องการทำงานยามปกติที่ค่อนข้างแตกต่างจากตำรวจสายตรวจหรือตำรวจฝ่ายสืบสวน เนื่องจากตำรวจจราจรออกปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนนเพียงลำพังนายเดียวกำลังประสานขอความช่วยเหลือจากครูฝึกอรินทราช 26 บก.สปพ.บช.น.ให้เข้ามาช่วยอบรมกำลังพลด้านการใช้อาวุธปืน การใช้ยุทธวิธีที่ถูกต้องเพื่อลดการเกิดอันตรายต่อกำลังพลให้ได้น้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทักษะด้านการใช้อาวุธให้ตำรวจจราจรมากขึ้นอีกด้วย