นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ส่วนตัว Thanathorn Juangroongruangkit ระบุว่า..[ ปกป้องจะนะ ปกป้องเสียงของประชาชน ] สัปดาห์ที่แล้วผมได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดสงขลา แสดงความยินดีกับพี่น้องหาดม่วงงามที่ปกป้องชายหาดของเขาจากโครงการสร้างเขื่อนกันการกัดเซาะชายหาดได้สำเร็จ สำหรับผม ชัยชนะที่ม่วงงามคือหมุดหมายของการต่อสู้ของภาคประชาชน ที่แสดงพลัง เปล่งเสียงคัดค้านโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชุมชนและระบบนิเวศ แต่ห่างจากหาดม่วงงามไม่ไกล ประชาชนอีกกลุ่มกลับกำลังถูกบีบบังคับให้ต้องรับผลกระทบจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐอีกโครงการ นั่นก็คือ “นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” ซึ่งในฐานะนักอุตสาหกรรม ผมได้เคยพูดไปแล้วหลายครั้งว่าเป็นนิคมที่เกินความจำเป็น และเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจการจ้างงานใด ๆ ที่เอื้อกับท้องถิ่น นอกจากโรงงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่กลายเป็นถุงเงินของนายทุน วันที่ผมไปพบชาวจะนะ สันติบาล ตำรวจนอกและในเครื่องแบบ มาเฝ้าดูอยู่เต็มไปหมด คนในพื้นที่เล่าให้ผมฟังถึงการคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพียงเพราะพวกเขาแสดงจุดยืนคัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรม เล่าถึงการพยายามเปลี่ยนสีผังเมืองสงขลา จากที่มีแต่พื้นที่สีเขียว สำหรับการเกษตร ให้หลายเป็นพื้นที่สีม่วง สำหรับทำนิคมอุตสาหกรรม พวกเขาขอให้ผมจับตาดูการประชุมเปลี่ยนสีผังเมืองในวันที่ 18 กันยายน ว่าวงประชุมจะเปลี่ยนผังเมืองที่ประชาชนสงขลาร่วมกันทำอย่างมีส่วนร่วมทั่วถึงทั้งจังหวัดเมื่อปี 2559 หรือไม่ ว่าเสียงของประชาชนจะดังพอทัดทานข้อมูลของศอ.บต. ผู้มีบทบาทหลักในการผลักดันโครงการหรือไม่ และผลก็ออกมาตามคาด ท่ามกลางการปักหลักชุมนุมคัดค้านจากประชาชนที่หน้าศาลากลางจังหวัด ที่ประชุมซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นประธาน ได้มีมติเปลี่ยนสีผังเมืองสงขลาให้มีพื้นที่สีม่วง เพื่อเอื้อต่อการทำนิคมอุตสาหกรรม โดยอ้างผลจากเวทีรับฟังความเห็นประชาชนที่จัดขึ้นในวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งที่เวทีดังกล่าวมีการใช้กำลังตำรวจทหารนับพันนายดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด และปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่คัดค้านโครงการเข้าร่วมแสดงความเห็นในเวที รวมถึงแทบจะไม่มีการพูดถึงประเด็นการเปลี่ยนสีผังเมืองเลย กุ้ง ปู ปลาสดๆจากทะเลจะนะที่ผมกินร่วมกับชาวประมงในวันที่ผมไปเยือน เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ หาดทรายขาวสะอาดและเรือประมงพื้นบ้านที่จอดเกยอยู่ เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นที่หมุนเวียนเงินลงสู่ประชาชนระดับฐานราก เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา แต่เราปฏิเสธโครงการขนาดใหญ่ที่แลกทรัพยากรธรรมชาติกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยดอกผลของการพัฒนาตกอยู่ในกระเป๋านายทุน ในขณะที่มลภาวะตกอยู่กับคนในพื้นที่ วันนี้ ประชาชนผู้รักและหวงแหนในแผ่นดิน ในทรัพยากรของพวกเขา จะรวมตัวกันส่งเสียงอีกครั้งไปถึงผู้มีอำนาจ ผมติดภารกิจ ไม่อาจไปร่วมส่งเสียงที่สงขลาได้ แต่ผมยืนหยัดอยู่ข้างพวกเขาเสมอ เราจะต่อสู้ร่วมกันจนกว่าอำนาจในการบริหาร จัดการทรัพยากรในประเทศนี้ จะเป็นของประชาชน #savechana