นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 ต.ค.63 จะเรียกประชุมผู้บริหาร และอธิบดีกรมต่างๆในสังกัดกระทรวงการคลังมาหารือเพื่อรับฟังข้อมูลการดำเนินงาน หรือข้อจำกัดในการทำงานของแต่ละหน่วยงานในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร ก่อนนำข้อมูลที่ได้ไปจัดทำแผนดูแลเศรษฐกิจในระยะสั้น 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อเสนอให้กับ รมว.คลังคนใหม่พิจารณา ทั้งนี้แผนจะดูทั้งระยะสั้นว่าควรจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ แต่ละหน่วยงานทำงานเป็นอย่างไร มีข้อจำกัดอะไร ที่ทำได้ไม่ได้บ้าง เพื่อเตรียมทำแผนระยะสั้น และจะดูต่อไปว่าในระยะกลาง จะทำอะไรต่อได้บ้าง คิดทุกอย่างเอาไว้ให้ชัดเจน ถ้ามี รมว.คลังคนใหม่จะได้นำแผนเหล่านี้ไปเสนอได้ทันที” ขณะเดียวกันได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ไปหาข้อมูลผลกระทบจากโควิด-19 ของแต่ละรายภาคธุรกิจว่าได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดเช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจยานยนต์ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเป็นรายธุรกิจให้ตรงจุด และถูกฝาถูกตัวมากขึ้น ซึ่งจะรวมไปถึงการพิจารณาตามแนวทางที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ.ที่อยากให้มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้มีรายได้สูงผ่านมาตรการภาษีด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่ “สศค.จะกลับไปดูว่า หากจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือรายธุรกิจใด จะต้องช่วยเหลือในลักษณะไหน และจะกระทบต่อฐานะการคลังมากน้อยเพียงใด หรือเมื่อหากต้องสูญเสียรายได้ภาษีไปจะคุ้มค่ากับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ด้วย” ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้คงไม่รื้อแผนการพิจารณาของ สศค.ที่ดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่จะนำมาดู เพื่อพิจารณาว่าภาษีตัวใดจะนำมาใช้ในช่วงเวลาใดถึงจะเหมาะสมมากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่จะมีผลกับหลายภาคส่วน