จากกรณีคนร้ายเป็นชายสวมวิกอำพรางใบหน้า ใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ร้านทอง ภายในห้างดังย่านลาดพร้าว-วังหิน กวาดทองไป 221 บาท มูลค่า 6.5 ล้านบาท ก่อนขับรถ จยย.หลบหนีไปเมื่อช่วงสายของวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปทำการตรวจยึดรถ จยย. พร้อมวิกผม เสื้อแจ็คเก็ต ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุไว้ได้ที่อพาร์ตเม้นท์ย่านลาดพร้าว และตรวจค้นหลักฐานห้องพักย่านพหลโยธิน 34 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 29 ก.ย.63 รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังตำรวจชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบห้องพักในซอยพหลโยธิน34 พบว่าห้องพักดังกล่าวเป็นของคนร้ายจริง แต่เมื่อตรวจสอบภายในห้องกลับไม่มีทรัพย์สินหรือสิ่งของใด จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำหลบหนีไปด้วย และเมื่อทำการตรวจสอบประวัติผู้เช่าพัก พบว่าเป็นชื่อปลอมและใช้หมายเลขโทรศัพท์ปลอม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงทราบเพียงชื่อเล่นของคนร้าย ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นคนไทย สำหรับการติดตามกล้องวงจรปิด จากการตรวจสอบพบเห็นว่าคนร้ายหลบหนีไปเพียงคนเดียว โดยเดินทางไปที่สถานีขนส่งกรุงเทพ(หมอชิต) ก่อนที่จะซื้อตั๋วโดยสารไปยังจังหวัดเลย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามคนร้าย เกรงว่าจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้สำหรับแนวทางการสืบสวนอื่น ทางเจ้าหน้าที่ยังได้นำแผนประทุษกรรมการก่อเหตุชิงทรัพย์หลายๆครั้งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ซึ่งเป็นโซนจังหวัดภาคอีสาน มาเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตามทางชุดสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายรายนี้อาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ห้างดังย่านถนนพระราม 4 เมื่อปี 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายจี้ชิงทองไว้ได้แล้ว ขณะจะเผ่นหนีข้ามชายแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.กำลังเดินทางไปรับตัว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีคนร้ายชิงทองภายในห้างโลตัส ลาดพร้าววังหิน ได้ทองรูปพรรณไป 221 บาท ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ว่า ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจนครบาลสามารถควบคุมคนร้ายได้แล้ว ในพื้นที่ต่างจังหวัด ส่วนผู้ร่วมขบวนการหรือทองที่ถูกคนร้ายชิงไป อยู่ระหว่างการตรวจสอบในรายละเอียด ส่วนพฤติกรรมคนร้ายจะมีความเชื่อมโยงกับคดีชิงทองที่ห้างสรรพสินค้าย่านพระราม 4 หรือไม่ อยู่ระหว่างการขยายผลในรายละเอียด โดยจะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ด้วยตนเอง ส่วนจะเป็นการทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณหรือไม่ ยืนยันว่าจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล สามารถจับกุมนายมงคล ใจอุปถัมภ์ คนร้ายที่ก่อเหตุได้ที่ จ.เลย ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ ส่วนภรรยาถูกจับกุมที่ จ.หนองคาย ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคุมตัวทั้ง 2 คนเข้ามาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อขยายผลต่อไป ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป