"บิ๊กตู่" บอกไทยเนื้อหอม จัดการโควิด-19 ได้ดี ต่างชาติจ้องท่องเที่ยว "ศบค." ต่ออายุ "พรก.ฉุกเฉิน" อีก 1เดือน ยาวถึงสิ้นต.ค.นี้ ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไทยพุ่ง22 ราย นำเข้าจากปากีสถาน-ซูดานใต้-ฟิลิปปินส์-อินเดีย รวมป่วย3,545ราย ด้าน"จิงโจ้" ทุ่มพัฒนา "สเปรย์"ปราบ"โควิด-19" เผยผลวิจัยได้ผลยับยั้งเชื้อไวรัสได้ถึง 96% ส่วนสถานการณ์ไวรัสมรณะยังลุกลามไม่หยุด คร่าชีวิตผู้ป่วยทะลุ 1 ล้านศพ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า การประชุมวันนี้เป็นการวางแผนว่าเราจะเดินหน้ายังไงในเรื่องเศรษฐกิจ โดยตนให้แนวทางไปว่าต้องหาวิธีการดูแลเพื่อให้เศรษฐกิจของเราเดินหน้าไปได้ด้วยดี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่หลายประเทศต้องการจะมา เพราะแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดี ซึ่งจะคิดอะไรต้องคิดต่อเนื่องทั้งระบบ ทั้งต้นทาง กลางทางและปลายทาง เพื่อทำให้เศรษฐกิจของเราเดินหน้าไปให้ได้ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า คือเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเราก็จะแย่ไปกว่าเดิม ทุกอย่างจะถอยหลังมาทั้งหมด รัฐบาลในฐานะผู้ดูแลคนทั้งประเทศจำเป็นต้องคิดในเรื่องเหล่านี้ และขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ร่วมกัยปฏิบัติตามกฎระเบียบ กติกา ทั้งหมด ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ศบค.ได้มีมติต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน ซึ่งเป็นรอบที่ 6 เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 22 ราย โดยเดินทางมาจากประ เทศปากีสถาน 1 ราย ซูดานใต้ 16 ราย ฟิลิปปินส์ 1 รายและอินเดีย4 ราย โดยทั้งหมดไม่มีอาการป่วย รวมผู้ป่วยสะ สม 3,545 ราย หายป่วยเพิ่ม 2 ราย รวมหาย 3,369 ราย ยังรักษาใน รพ. 117 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 59 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 2 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 3,369 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 117 ราย ด้าน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัท อีเอ็นเอเรสพิราทอรี ซึ่งเป็นธุรกิจดด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศออสเตรเลีย กำลังพัฒนาสเปรย์พ่นจมูก ที่มีศักยภาพช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของมนุษย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยบริษัท อีเอ็นเอเรสพิราทอรี เปิดเผยว่า การพัฒนาสเปรย์พ่นจมูกข้างต้น มีขึ้นภายหลังจากได้ทดลองศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองเมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกที่ชื่อ "ไอเอ็นเอ็นเอ-051 (INNA-051) ซึ่งแต่เดิมมีสรรพคุณใช้สำหรับการป้องกันการติดเชื้อไวรัสของโรไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ โดยประสิทธิภาพสามารถลดจำนวนเชื้อโรคได้ถึงร้อยละ 96 ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 213 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 33,307,577 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1,002,402 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 24,638,482 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 7,321,343 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 209,453 ราย